ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิจารณาคดีคลุมถุงดำ พิพากษาพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ให้ประหารชีวิต แต่ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดมีความ เห็นสั่งฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายและ ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด
หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 288, 289 (5), 309 วรรค 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561มาตรา 4,172 สืบเนื่องจากนายจิระพงษ์หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกจับและควบคุมไว้ในคดียาเสพติดและถูกฆ่าถึงแก่ความตายขณะอยู่ในความความควบคุมของเจ้าพนักงาน เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม พ.ศ.2564 ที่ สภ.นครสวรรค์
โดยวันนี้จะเป็นการอ่านคำพิพากษา ผ่านระบบ Video Conference ไปยังเรือนจำให้จำเลยทั้ง 7 คน เนื่องจากสถานการณ์โควิด
ล่าสุดศาลพิพากษาว่า จำเลย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรืออดีตผกก.โจ้ จำเลยที่ 1-5 เเละ 7 กระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษข้อหาฆ่าโดยโหดร้ายทารุณฯ บทหนักสุดให้ประหารชีวิต ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 6 ผิดข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ให้จำคุก 8 ปี แต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 5 ปี 4 เดือน
โดยในวันนี้เรืออากาศตรีจักรกฤษ กลั่นดี และนางจันจิรา ธนพัฒน์ พ่อและแม่ของของนายมาวิน ผู้ตาย รวมทั้งทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยเรืออากาศตรีจักรกฤษ กล่าวว่า ไม่ว่าผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับ และจะไม่ขออุทธรณ์ หรือฎีกา ขอสู้แค่ศาลเดียวพอ ทั้งนี้ ขอให้ฝ่ายจำเลยจ่ายเงินเยียวยา 1 ล้าน 5 แสนบาทให้ตามที่ตกลงกัน