"บิ๊กตู่" ขอบคุณ "สปป.ลาว" ช่วยปราบยาเสพติด ค้ามนุษย์ และแก๊งคอเซนเตอร์ ยันเดินหน้าสร้างหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานชายแดน

 

วันที่ 9 มิ.ย. 65 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ พลเอกจันสะหมอน จันยาลาด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีป้องกันประเทศ สปป.ลาว เข้าเยี่ยมคำนับ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางมาร่วมประชุม คณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย - ลาว ครั้งที่ 27

 

พลเอกจันสะหมอน ได้กล่าวชื่นชม พัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และขอบคุณไทย ที่ให้การช่วยเหลือ สปป.ลาว แก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแต่ต้น โดย 3 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมความสงบเรียบร้อยชายแดนสองประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น ผ่านกลไกความร่วมมือชายแดนที่มีอยู่ร่วมกันอย่างได้ผล ทั้งการแก้ปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการแก้ปัญหาภัยความมั่นคงอื่นๆ ร่วมกัน โดยทหาร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงทั้งสองประเทศ สามารถทำงานร่วมกันด้วยดี มีการแลกเปลี่ยนการเยือน การศึกษา ศิลปวัฒนธรรมและกีฬาร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการให้การฝึกอบรมเกษตรทฤษฎีใหม่ ให้กับประชาชนลาว ให้มีความสามารถและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยประชาชนทั้งสองประเทศสามารถไปมาหาสู่กันอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ลาวพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือทางการแพทย์และการวิจัยร่วมกับไทย เพื่อแก้ปัญหาโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น

 

 

ด้านพลเอกประยุทธ์ กล่าวชื่นชมความสำเร็จ ของความร่วมมือชายแดนทั้งสองประเทศ ผ่านกลไกต่างๆ ส่งผลให้เกิดสันติภาพ และความสงบสุขชายแดนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยินดีที่ กระทรวงป้องกันประเทศลาว จะส่งกำลังพลเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรต่างๆ ทางทหารของไทย โดยเสนอให้พัฒนาและมีกลไกความร่วมมือกันในทุกเหล่าทัพ รวมทั้งไทยพร้อมสนับสนุนโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์และความร่วมมือของประชาชนทั้งสองประเทศ

 

 

นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณที่ สปป.ลาว ร่วมมือในการแก้ปัญหาแก๊งคอเซนเตอร์ ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งสองประเทศต่างเห็นพ้องที่จะให้มีการแก้ไขอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันประชาชนทั้งสองประเทศไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งขอชื่นชมการเปิดให้บริการรถไฟ ลาว - จีน ซึ่งไทยจะเร่งรัดให้มีการเชื่อมโยงระบบราง เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองประเทศร่วมกันต่อไป และขอขอบคุณลาว ที่เปิดด่านท้องถิ่นและด่านประเพณี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการค้าชายแดน จำนวน 9 แห่ง เรียบร้อยแล้ว ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อประโยชน์ร่วมของประชาชนทั้งสองประเทศ ที่จะมีขึ้นหลังสถานการณ์โรคระบาด คลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ