นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ เผยพบไวรัสก่อโรคโควิด-19 ในไส้ติ่ง และเต้านมของผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าติดโควิดมานานกว่าหนึ่งปี

 

วันที่ 12 มิ.ย. 2565 นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า ไม่น่าเชื่อ !! พบไวรัสก่อโรคโควิด-19 ในไส้ติ่ง และเต้านมของผู้ที่ถูกวินิจฉัย ว่า ติดโควิดมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า เมื่อมนุษย์สัมผัสกับไวรัสโคโรนา (Corona virus) ที่ก่อโรคโควิด จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1. ติดเชื้อและไม่แสดงอาการ , 2. ติดเชื้อและแสดงอาการ ต่อมาก็พบว่า ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อแสดงอาการนั้น เมื่อหายดีแล้ว ในระยะพักฟื้น (Convalescence) มีการตรวจพบซากของไวรัส (Viral Antigen) รวมทั้งสารพันธุกรรมของไวรัส (Viral RNA) ในทางเดินอาหารและในอุจจาระ และเมื่อมีเรามีความรู้เพิ่มมากขึ้นอีก ก็พบกลุ่มอาการที่เรียกว่าลองโควิด (Long Covid) ซึ่งองค์การอนามัยโลกให้คำนิยามไว้ว่าเป็นภาวะที่ผู้ป่วยโควิด ยังคงมีอาการต่อเนื่องไม่หายขาด หลังจากที่พ้นระยะเฉียบพลัน (Acute phase) และอาการเหล่านั้นไม่สามารถจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่นได้ ประกอบด้วย

- อ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic fatigue)
- สมองไม่สดชื่นแจ่มใส (Brain fog)
- หายใจไม่เต็มปอด (Shortness of breath)

 

มีการศึกษาล่าสุดพบผู้ป่วยลองโควิด 2 ราย ซึ่งรายหนึ่งวินิจฉัยโรคได้เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ส่วนอีกรายหนึ่งเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว เมื่อตรวจในชิ้นเนื้อพบว่า มีทั้งซากเชื้อไวรัส (Viral Antigen) และสารพันธุกรรม (RNA) ที่แสดงว่าไวรัสยังแบ่งตัวมีชีวิตได้ ในไส้ติ่ง และในเนื้อเยื่อเต้านม แต่ไม่พบในเนื้อเยื่อของผิวหนัง คาดว่าเหตุที่ไม่พบไวรัสหรือซากเชื้อในผิวหนัง เนื่องจากเซลล์มีการหลุดลอกออกไปค่อนข้างบ่อย ส่วนในไส้ติ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางเดินอาหาร คาดว่าเกิดจากมีตัวรับไวรัสที่ค่อนข้างมาก (ACE-2 receptor) ส่วนที่เนื้อเยื่อเต้านม (Breast) มีความน่าสนใจตรงที่ พบไวรัสเฉพาะในเนื้อเยื่อปกติ แต่ไม่พบไวรัสในส่วนที่เป็นเนื้องอก

โดยที่ไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิด มีโครงสร้างสำคัญในส่วนที่เป็นโปรตีน 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

NP: Nucleocapsid Protein
M : Membrane
S : Spike
E : Envelope

โดย NP จะเป็นส่วนสำคัญที่สุด ที่ใช้ในการวินิจฉัยโรค และ S-protein หรือส่วนหนาม เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการผลิตวัคซีน ในการตรวจสารพันธุกรรม (RNA) สามารถบ่งบอกว่าไวรัสยังมีความสามารถในการแบ่งตัวหรือมีชีวิตอยู่หรือไม่ นับเป็นข้อมูลใหม่ล่าสุด ที่มนุษย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาลำดับที่ 7 ที่ก่อโรคโควิด และมีความรู้เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา

โดยสรุปได้ว่า พบผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโควิดมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ก็ยังอาจตรวจพบทั้งซากไวรัส และสารพันธุกรรมส่วนที่แสดงว่าไวรัสแบ่งตัวได้ ทั้งในไส้ติ่งและในเนื้อเยื่อของเต้านม จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยเรื่องเกี่ยวกับไวรัสโคโรนากันต่อไปอีก เนื่องจากเรามีผู้ติดเชื้อที่หายดีแล้วกว่า 500 ล้านคน ในกลุ่มดังกล่าวนี้ แม้หายดีแล้ว ก็อาจจะมีไวรัสหลงเหลืออยู่บางส่วน ที่อาจส่งผลต่อร่างกายได้ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ มีความผิดปกติ ตราบเท่าที่เรายังเรียนรู้เรื่องของไวรัสไม่ครบถ้วนสมบูรณ์