ผู้การประจวบฯ สั่งย้าย "จ.ส.ต." ที่ถูกกล่าวหา ยิงปืนใส่รถกระบะผัวเมีย ที่ทีมทนายตั้มพาร้องผบช.7 มาช่วยราชการที่ ศปก.ภูธรจังหวัด ส่วนคดี ส่งสำนวนให้ ปปช. ภายในกรอบเวลา 30 วัน
จากเหตุการณ์ ทนายความทีมทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด นำสองสามีภรรยา นำเอกสารบันทึกประจำวัน พร้อมหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ยื่นต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ระบุถูก จ.ส.ต.พงษ์พัฒน์ รื่นภิรมย์ ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด พร้อมพวก ขับรถไล่พร้อมมีเสียงปืนดังขึ้น 6 นัด ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากประชาชน ที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่กลางดึก เหตุเกิดช่วงกลางดึกคืนวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นได้แจ้งความไปแล้ว แต่เมื่อไปติดตามคดี ได้รับแจ้งว่าพนักงานสอบสวน ไม่สามารถเรียกผู้ก่อเหตุมาสอบสวน ต้องส่งให้ ปปช.ดำเนินการ หวั่นคดีไม่คืบ จึงตัดสินใจร้องหัวหน้าสูงสุดของหน่วย เพื่อขอความเป็นธรรม
ล่าสุด ตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีคำสั่งที่ 188/2565 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2565 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.เจริญ ชนประเสริฐ ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานคณะกรรมการฯ พร้อมกันนี้ ได้มีคำสั่งที่ 189/2565 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2565 สั่งการให้ จ.ส.ต.พงษ์พัฒน์ รื่นภิรมย์ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.สามร้อยยอด ไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเพื่อความสะดวกในการสอบสวนคดีอาญา และการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำชับผู้เกี่ยวข้องดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง หากเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา จะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยและทางอาญาตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
สำหรับ จ.ส.ต.พงษ์พัฒน์ ถูกดำเนินคดีในข้อหา ในฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในเมือง หมู่บ้านหรือทาง สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ใช้อำนาจโดยมิชอบบังคับให้ผู้อื่นกระทำการใด หรือจำยอม ต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ของผู้ถูกข่มขืนใจ และ หน่วงเหนี่ยวกักขังฯ