จับตา "สุพัฒนพงษ์" ถกพลังงาน-คลัง-สภาพัฒน์-แบงก์ชาติ รับมือเงินเฟ้อ หั่นส่วนต่างกำไรค่ากลั่นเข้ากองทุนน้ำมันฯ คาดชง ครม. ต่อมาตรการด้านพลังงาน เฟส 2 ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ พร้อมแย้มตรึงราคาดีเซล 35 บาทต่อลิตร จนกว่าจะออกแพ็กเกจใหม่
วันที่ 14 มิ.ย.65 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์ุมีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมหารือกับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการพลังงาน กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะที่สอง หลังระยะแรกกำลังจะครบกำหนดเดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคมนี้ จึงจำเป็นต้องพิจารณาว่า มาตรการต่อไปจะเป็นอย่างไร โดยจะพิจารณาภายใต้สถานการณ์สงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครนด้วย รวมถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
"ก็จะมีครบคล้าย ๆ กับคราวที่แล้ว ในเบื้องต้น จะดูเป็นรายมาตรการ และมานั่งพิจารณาว่า อะไรจะดำเนินการต่อ อะไรจะเพิ่มเติม หรืออะไรไม่จำเป็นแล้ว ซึ่งจะต้องให้ทันการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเดือนนี้ให้ได้"
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า ราคาน้ำมันดีเซลขยับขึ้นไปถึงเพดานที่กำหนดไว้แล้ว โดยอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร จะขยายอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นที่ได้หารือกัน ล่าสุดจะพยายามไม่ให้ปรับอะไรจนกระทั่งมีมาตรการใหม่ออกมาชัดเจน โดยเรื่องน้ำมันก็จะเอาไปพิจารณาอยู่ด้วย การที่จะขยับราคาดีเซลสูงขึ้นกว่า 35 บาทต่อลิตร ยังจะทำได้ในช่วงนี้หรือไม่ หรือควรที่จะทำหรือไม่ เนื่องจากภาคท่องเที่ยวอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น อย่างไรก็ดีจะค่อย ๆ ดีขึ้นจะในช่วงปลายปี ดังนั้น ในช่วงนี้อาจจะต้องประคับประคองต่อไปเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ และเติบโตไปได้
เมื่อถามต่อว่า มาตรการทางการคลังหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีออกมาหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า "ก็ต้องดูสถานะทางการเงิน การคลัง ในใจมีอยู่แล้ว คิดในใจอยู่แล้ว แต่ต้องฟังทุกฝ่าย และเมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องทำก็จะทำเต็มที่ เพราะขณะนี้ยังต้องเจอสภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต"
เมื่อถามว่า กระทรวงการคลังจะไม่ต่อมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 แล้ว นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า กระทรวงการคลังอาจจะไม่ได้เรียกว่าโครงการคนละครึ่งก็ได้ อาจจะเรียกเรียกชื่ออื่น หากจำเป็นที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต้องดูภาพรวมว่ามีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้เกิดการเติบโต