"โทนี่" จวกรัฐบาลยับ บริหารเศรษฐกิจพัง ไร้ยุทธศาสตร์แก้วิกฤต เหมือนกัปตันเรือปูขับไปเรื่อย ๆ ไม่คิดสู้คลื่น ยกผลจัดอันดับในช่วง 5 ปี ระบบดูแลคนเกษียนแย่กว่า "อินเดีย" ทั้ง ๆ ที่ อัตราประชากรต่างกันหลายเท่า จี้ อย่ากลัว ปตท. ไม่อ้วน ต้องดูว่าอะไรเกินจริง ปรับลดบ้าง ไม่งั้นตายกันพอดี

 

(22 มิ.ย.65) สืบเนื่องจากช่วงค่ำวานนี้ (21 มิ.ย.65) อดีตนายกฯ "ทักษิณ ชินวัตร" ได้ร่วมพูดคุยในรายการ "CareTalk X CareClubhouse" พร้อมกับ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ในหัวข้อ "เศรษฐกิจพังยับ ประยุทธ์รับมือไม่ไหว" หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ใคร ๆ ต่างก็เตือนว่าอันตรายกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง ร้ายแรงกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เนื่องจากทุกวันนี้ไทยต้องเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพสูง น้ำมันแพงอย่างต่อเนื่อง และราคาเงินเฟ้อพุ่งขึ้นทั่วโลก รวมถึงวิกฤตค่าพลังงานแพง

โดยนายทักษิณกล่าวว่า เป็นห่วงเศรษฐกิจไทยมาก ๆ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจย่ำแย่ทั้งโลก แต่ไทยจะหนักกว่าเพื่อน เนื่องจากเราไม่ได้เตรียมการอะไรเลย เหมือนทะเลกำลังคลั่ง แต่กัปตันกลับไปเรื่อย ๆ เหมือนกัปตันเรือปู ที่ไม่คิดจะสู้หรือวางแผน นั่นคือสิ่งที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากผู้นำของไทยไม่มียุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาเรื่องเร่งด่วน อย่างเช่น วิกฤตพลังงานแพงในขณะนี้

ทั้งนี้ นายทักษิณยังยกผลสำรวจของประเทศที่มีระบบเกษียนจาก 43 ประเทศทั่วโลกมา ประเทศไหนที่ระบบการจัดการ และดูแลคนหลังเกษียนเป็นอย่างไร ไทยเป็นประเทศที่แย่สุด ส่วนประเทศที่ดีที่สุดคือไอซ์แลน์ และประเทศแถบยุโรปมีสวัสดิการหลังเกษียนดีมาก ในขณะที่เพื่อนบ้านเราอย่างฟิลิปินส์ ไทยเราก็สู้ไม่ได้ เพราะฟิลิปปินส์อยู่ที่ 42.7% ส่วนไทยอยู่ที่ 40.6% หรือแม้กระทั่งอินเดีย ซึ่งอยู่ที่ 43.3% ทั้ง ๆ ที่มีประชากรเยอะกว่าประเทศไทยของเราหลายเท่าตัว ดังนั้นเราต้องย้อนดูตัวเองว่า ประเทศไทยมีคนจนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะคนเกษียน และคนแก่ที่ต้องมีระบบการดูแลที่ดี

ในขณะที่สถาบันจัดดับศักยภาพ หรือ IMD ซึ่งมีการจัดลำดับทุกปี โดยในปีนี้ผลปรากฏว่า ประเทศไทยหล่นจากอันดับ 28 ไปอันดับที่ 33 หล่นไป 5 อันดับ ในขณะที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 3 และฮ่องกงอยู่ในอันดับที่ 5

ด้าน ดร.ศุภวุฒิ เผยถึงข้อมูล Competitivesness Ranking หรือการจัดอันดับการแข่งขัน โดยอันดับของประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ร่วงรุนแรงมาก โดยเฉพาะด้านประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากเดิมในปี 2018 เคยอยู่ที่อันดับ 10 แต่ในปี 2022 ตกมาอยู่ที่อันดับ 34 ส่วนประสิทธิภาพของรัฐบาลจากเดิมอันดับที่ 22 มาอยู่ที่อันดับ 31 และประสิทธิภาพของภาคธุรกิจจากเดิมอันดับที่ 25 ตกลงมาอยู่ที่อันดับ 30 ส่วนถ้ามองในส่วนข้อมูลเชิงลึก ที่ต่ำจริง ๆ เลยคือการศึกษาอยู่ที่อันดับ 53 ภาคเศรษฐกิจ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมอยู่ที่อันดับ 51 ท้ายสุดคือ ผลิตภาพ และประสิทธิภาพอยู่ที่อันดับ 47 จากข้อมูลทำให้เห็นว่าประเทศไทยน่าจะต้องปฏิรูปชุดใหญ่เลย

ส่วนเรื่องของแพง กระทรวงพาณิชย์ต้องเรียกมาดูต้นทุน และเจรจากับการค้า รวมถึงต้องมองไปถึงสิ่งที่เราต้องนำเข้า เราจะสามารถทดแทนการนำเข้าได้อย่างไร เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจของไทยเราดีขึ้น ต้องผลิตหรือปลูกสิ่งที่ต้องนำเข้า เพื่อให้มาเพิ่มรายได้ให้คนไทย ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ต้องรีบทำ

"อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นต้นทุนวันนี้ ทั้งเงินเฟ้อ ราคาพลังงานจะลดลงได้แค่ไหนอย่างไร อย่ากลัว ปตท. ไม่อ้วน บางครั้งต้องดูว่า อะไรที่ ปตท. ได้มากเกินไป นี่มันกึ่งผูกขาดนะ นั่งระดมสมองกับผู้รู้ ต้องคุยกัน เอาตัวเลขขึ้นโชว์ ส่วน นายกฯ นั่งดูเลย นายกฯ ก็เรียนทางวิศวกรรมมาเหมือนกัน เอาเปรียบมากไปมั้ย เขาลดได้มั้ย ทำไมปุ๋ยแพง คุณนำเข้ามาเท่าไหร่ ขอดูต้นทุนเลย ทุกอย่างที่กล่าวนี้คือช่วยแล้ว ช่วยทำตามหน่อย ถ้าทำไม่เป็นเรียกไปช่วยดูก็ได้ ช่วยวิเคราะห์ได้ คนว่างงานอ่ะ"

ขณะนี้ปัญหาเร่งด่วนคือ เงินในประเทศไหลออก เงินนอกจากนักลงทุนก็ไม่เข้า ทางแก้อย่างเร็วที่สุด คือต้องแก้การท่องเที่ยวให้บูม อะไรที่ขัดขวางการท่องเที่ยวต้องปรับแก้ให้หมด เพราะจะมีเม็ดเงินเข้ามามาก และไปถึงภาคประชาชน ส่วนเรื่องของเงินต่างประเทศ ต้องพยายามให้คนเอาเงินเข้ามาไว้ในประเทศให้ได้