ผบ.ทอ. เดือด บินรบเมียนมา ล้ำชายแดน ยันตอบโต้ไม่ได้วัดที่ความเร็ว วัดกันที่ สุขุม รอบคอบ เหมาะกับสถานการณ์ ชี้เพื่อนเผลอเดินตัดสนามหน้าบ้าน จะยิงเขาตายเลยก็เกินไป

 

วันที่ 1 ก.ค. 2565 พล.อ.อ. นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงข้อวิจารณ์การปฏิบัติงานของ ทอ. กรณีที่เครื่องบินรบประเทศเมียนมาร์ล้ำน่านฟ้าว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ได้มีประชาชน และแฟนคลับแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์กัน ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศดีหรือไม่ หรือ เครื่องบินของ ทอ.มีไว้ใช้ในการแสดงวันเด็กหรือเปล่า หรือ กระทั่งพูดว่า ผบช.ระดับสูงของ ทอ. มีวิจารณญาณในการตัดสินใจช้าเกินไปหรือไม่ ที่ท่านแสดงความเห็นก็มีส่วนถูกต้อง แต่ขอบอกว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของเราดีมาก ไม่ใช่อย่างที่หลายคนแสดงทัศนะ เครื่องบิน และ นักบินของเราดี มีความรู้ มีประสบการณ์ และสุดท้ายการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็มีการตัดสินใจที่ดี ซึ่งการตัดสินใจที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความรวดเร็ว แต่วัดกันที่ความสุขุม รอบคอบ มีหลัก มีเหตุมีผล คำนึงถึงสถานการณ์เล็ก สถานการณ์ใหญ่ เป็นการตัดสินใจที่พอเหมาะพอควร เหมาะสมกับสถานการณ์

"ผมจะบอกตามตรงว่า ผมก็เหมือนกับทุกท่าน ผมก็เดือดเหมือนกัน บางทีอาจจะเดือดกว่าพี่น้องประชาชนอีกด้วย สิ่งที่เราดำเนินการไปแล้ว เราได้ประสานติดต่อกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง ของกองทัพอากาศเมียนมา เพื่อขอให้กำกับดูแล ให้การปฏิการณ์อะไรก็แล้วแต่ ในเขตแดนของท่าน ขอให้อยู่ในขอบเขต อย่าได้ล่วงล้ำเข้ามา ซึ่งผมก็ได้รับทราบ ถึงคำขอโทษ และเหตุผล จริงเท็จอย่างไรก็ให้ว่ากันไปก่อน เขาให้เหตุผลว่า เมื่อวานช่วงนี้สภาพอากาศ ไม่ดีจริง ๆ และเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรก ที่ผ่านมาเขาก็ระมัดระวัง ประกอบกับภูมิประเทศ หากมองจากคนที่อยู่บนฟ้า บางทีอาจจะมองไม่เห็นว่า ได้ผ่านล้ำ หรือตัดผ่านเข้ามาในบ้านของคนอื่น ซึ่งเขตแดนไทย-เมียนมา ไม่ใช่สั้น ๆ การข่าวของเราที่ดี เราก็รู้ล่วงหน้า แต่ไม่ว่าเราจะรู้ล่วงหน้า หรือรู้เฉพาะหน้าจากเรดาร์ เราก็ส่งเครื่องบินขึ้นไป อย่างไรก็ตามภาพที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกร่วมกันของประชาชนชาวไทยที่ไม่ชอบ ถ้าผมเป็นเขาก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น"

พล.อ.อ.เอก นภาเดช ยืนยันว่า เรามีระบบเรดาร์ตรวจจับและมีสายข่าวที่ดี สามารถรู้ได้ว่า เขาจะปฏิบัติการเมื่อได ในพื้นที่ไหน หากรู้ล่วงหน้า ก็จะส่งเครื่องบินขึ้นไป ปฎิบัติการ Combat air patrol เพื่อแสดงท่าทีว่า พื่นที่นี้เป็นพื้นที่ของเรา หรือหากตรวจพบ ก็จะส่งเครื่องบินขึ้นไปลาดตระเวนรบรักษาเขต และ air interception

"ขอให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นในกองทัพอากาศอย่างเช่นที่เคยเชื่อมั่นมาตลอด และโปรดไว้วางใจเรา ผมก็เป็นเหมือนทุกท่านนั่นแหละ ที่รักชาติ จึงขอให้ความเชื่อมั่นว่า เครื่องบินที่เราส่งขึ้นไป การขึ้นไปของนักบินของเรายังพบว่า ทางโน้น ยังมีความพลั้งพลาด ด้วยเจตนาจงใจ หรือไม่ ก็ตาม เราจะดำเนินการในขั้นเด็ดขาด แต่ภายใต้ ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่ทำให้เรื่องใหญ่ ให้ใหญ่ขึ้นไปอีก" ผบ.ทอ. กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีอีกครั้งจะดำเนินการอย่างไร โดยปกติการป้องกันภัยทางอากาศมี3ลำดับ พิสูจน์ฝ่าย สกัดกั้น ทำลาย แต่เมียนมาคือเพื่อน ถ้าเพื่อนพลั้งเผลอเดินตัดสนามหน้าบ้านแล้วเราจะไปยิงเขาตายเลย ก็เกินไป เพราะฉะนั้นการปฏิบัติการที่เหมาะสม จึงอยู่บนพื้นฐานเพื่อนปฏิบัติต่อเพื่อน ตนเชื่อว่าขณะนี้เขาตระหนักในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ในโซเชียลมีเดียได้พูดถึง F-35 หากมีประจำการในกองทัพอากาศไทย จะทำให้เมียนมาระมัดระวังการปฏิบัติการต่างๆกว่านี้หรือไม่ พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวว่า ถ้าเราคิดจะมีของดี ตนไม่อยากให้คนไทยขัดขากันเองเพราะจะพลาดดังนั้น ร่วมสนับสนุนให้ได้มาจะดีกว่า ถึงแม้จะพลาด หรือไม่ได้ ก็ขอให้เป็นขั้นตอนที่สหรัฐไม่ขายให้จะดีกว่า ไม่ใช่ไปขัดขากันไปมา เราพลาดในการต่อสู้ในยกแรก แทนที่จะเป็นในยกสุดท้าย อยากให้คนไทยสามัคคีกันในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ขออย่าโยงเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่เกี่ยวอะไรกัน

เมื่อถามว่า ในช่วงเดือนนี้จะมีการประชุมชั้นกรรมาธิการ พิจารณางบประมาณ รวมถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวว่า คุณสมบัติดีเด่น และข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างเครื่องบิน Generation ที่ 5 คือ F-35 กับ เครื่องบิน Generation ยุคที่ 4 ที่กองทัพอากาศมีมีข้อแตกต่างดังนี้

1.ล่องหนหายตัวได้ เปรียบเสมือนการมีผ้าคลุมวิเศษของ Harry Potter คลุ่มแล้วไม่มีใครเห็น ระบบเรดาร์มองไม่เห็น ซึ่งคุณสมบัติตัวนี้น่าสนใจ ถ้ามีไว้ใช้งาน เราจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงมีไว้ป้องกัน เพราะประเทศใกล้บ้านเรามีแล้ว
2 การบินในท่าพิสดาร หรือขีดความสามารถบินได้หลากหลาย นำมาซึ่งยุทธวิธีและชัยชนะต่าง ๆ
3.มีระบบเซนต์เซอร์รอบตัว เช่น นักบินสามารถก้มมองทะลุถึงพื้นดินในขณะบินได้
4. สามารถบินเดินทางระยะไกลด้วยความเร็วเสียง เพราะความเร็วเป็นปัจจัยสำคัญของเครื่องบินรบ
5. สามารถเชื่อมโยงข้อมูลในอนาคต ที่เปรียบเสมือนยานอวกาศที่มียานลูก และถูกควบคุมด้วยยานแม่ นอกจากนี้เครื่องบินใน Generation ที่ 5 สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเครื่องบินรบด้วยกันเองรวดเร็ว เป็นประโยชน์ก่อให้เกิดพลังอำนาจการรอบรู้มหาศาลจะส่งผลให้การดำเนินการใดๆก็ตามที่เกี่ยวกับการรบ ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ

"การที่เรามีเครื่องบินที่มีเทคโนโลยีใหม่ที่เราไม่เคยมีมาก่อนทำให้ทุกองคาไปยกเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และนั่นจะทำให้กองทัพอากาศของท่านหลุดพ้นจากภัยคุกคามคือความล้าสมัย ไปสู่ความทันสมัย นั่นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการใช่หรือไม่ขอให้ช่วยกันร่วมจิตร่วมใจ เพื่อให้ได้มีของดีใช้"