หญิงวัย 18 เบิกเงินแสนจากธนาคารเก็บไว้บ้านก่อนหายลึกลับ ยายถามหมอดู-พระ บอกอยู่ในบ้าน สุดท้ายเจอจริงๆ ฝีมือน้าสาวป่วยจิตเวชเอาไปทิ้งบ่อน้ำภายในบ้าน โชคดีกู้ภัยช่วยงมให้

 

วันที่ 6 ก.ค.65 จากกรณีเฟซบุ๊ก ชุดปฏิบัติการกู้ภัยทางน้ำ EEL Team Kosumpisai เผยแพร่โพสต์ ได้รับการประสานจาก งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ยางน้อย ขอทีมสนับสนุนกรณีบุคคลทิ้งธนบัตรลงน้ำ พิกัดที่บ้านยางใหญ่ ต.ยางน้อย อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม จึงได้นำทีมกู้ภัยลงพื้นที่ นำธนบัตรขึ้นมาจากน้ำจำนวนมาก โดยใช้เวลาในการปฏิบัติภารกิจทั้งหมดเกือบ 3 ชั่วโมง

ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านยางใหญ่ หมู่ 4 ต.ยางน้อย อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม พบกับ นางนิยม โพธิ์ศรี อายุ 77 ปี เจ้าของบ้าน เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 4-5 วันที่แล้ว หลานสาวอายุ 18 ปี ได้ไปเบิกเงินจำนวนมากมาจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะนำเงินไปฝากอีกธนาคารหนึ่ง แต่ได้นำเงินมาเก็บไว้ที่บ้าน โดยในบ้านมีน้าสาว อายุ 57 ปีอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งน้าสาวเป็นผู้ป่วยจิตเวช ต่อมาเงินทั้งหมดหายไป แต่หลานกลับไม่ยอมเล่าให้ฟัง จนเวลาล่วงเลยมา 2-3 วัน เพื่อนบ้านก็มาเล่าให้ฟังว่าเห็นหลานไปเบิกเงินที่ธนาคารจำนวนมาก จึงได้ไปถามหลาน หลานก็บอกไปเบิกเงินจริง แต่ตอนนี้เงินทั้งหมดได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากทราบข่าวก็ตกใจมาก เพราะเงินที่หลานไปเบิกมาทั้งหมดเป็นเงิน 130,000 บาท เป็นเงินจากการขายที่ดิน เพื่อที่จะให้หลานได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย จึงได้ต่อว่าหลาน ว่าทำไมไม่บอกยาย เอาเงินมาฝากไว้กับยายก็ได้ หลานก็ว่าหลานเก็บเงินไว้ดีแล้ว แต่เงินก็หายไป ตอนนั้นทุกข์ใจมาก จึงได้ไปหาหมอดู ถึง 4 ที่ ปรากฏว่า 3 ที่ บอกเหมือนกันหมดว่า เงินไม่ได้ไปไหน อยู่ในบ้านนั่นล่ะ มีคนวัยกลางคนเอาเงินไปซ่อน เงินอยู่ในกระเป๋าสีชมพู สีขาว มีเอกสารคนตายทับไว้ ซึ่งเป็นที่ที่หลานนำเงินไปเก็บไว้ก่อนที่เงินจะหายไป ซึ่งหมอดูบอกมาตรงหมดทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่พบ ต่อมาก็ไปหาพระ แต่พระไม่ยอมดูให้ เลยขอความเมตตา บอกว่าเงินจำนวนนี้ถ้าหายไป หลานก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ พระก็เลยบอกว่าเงินอยู่ในบ้าน เงินอยู่ในท่อ ก็พาญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านมาช่วยกันหา อยู่ดี ๆ เพื่อนบ้านก็ไปยกฝาซีเมนต์ปิดบ่อน้ำออก ก็พบเงินแสนลอยอยู่ในบ่อน้ำจนเต็ม จึงได้ร้องดีใจว่าเจอเงินแล้ว ก่อนจะเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยนำเงินขึ้นมาจากบ่อน้ำ ซึ่งที่ฝาซีเมนต์ที่ปิดท่อ มีรูเล็ก ๆ พอให้ใส่ท่อ PVC สูบน้ำขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อก่อนใช้สูบน้ำมาใช้ในบ้านก่อนที่จะมีน้ำประปา คาดว่า น้องสาวจะเอาเงินทั้งหมด ยัดเข้ามาในรูนี้

ด้านนายมอส ลูกชายของคุณยาย เล่าว่า ตนเองทำงานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น พี่สาวโทรมาบอกว่าให้กลับบ้านมาช่วยหลานหาเงิน เพราะหลานทำเงินหาย ตอนแรกคิดว่าเงินแค่ 1,000-2,000 บาท ไม่คิดว่าเงินจะหายมากขนาดนั้น พอทราบเรื่องก็ตกใจ เป็นเงินประมาณ 100,000 กว่าบาท จึงได้กลับมาช่วยหาก็ไม่เจอ ตนจึงได้โทรศัพท์ไปดูดวงกับแม่หมอ ที่รู้จักกันที่ในตัวเมืองมหาสารคาม แม่หมอก็บอกว่ามีผู้หญิงคนนึง อยู่ในบ้านนี้เอาเงินไปซ่อน แต่จะเป็นพื้นที่ดำ ๆ หรือใกล้ ๆ ที่เผาขยะ ไม่ตรงน้ำ ก็เป็นหลุมอะไรดำ ๆ ตนเลยโทรมาเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ว่าแม่ก็ไปดูหมอดูมา หมอดูก็บอกเช่นเดียวกันว่าเป็นคนในบ้าน และที่แม่นไปกว่านั้นคือ แม่หมอบอกว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นอัลไซเมอร์ จำอะไรไม่ค่อยได้ ชอบเก็บ ชอบซ่อนของไว้ในบ้าน ทำให้ตนนึกถึงน้าที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชขึ้นมาทันที โดยในดวงบอกว่ามีเด็กผู้ชาย ไม่ใส่เสื้อ ยืนเฝ้าเงินอยู่ ตนคิดว่าเป็นหลานชายที่เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ยืนเฝ้าบ่อน้ำอยู่ ซึ่งหมอดูแนะนำให้จุดธูป 2 ดอก ขอเจ้าที่เจ้าทาง แม่พระธรณี จากนั้นไม่นานก็เจอเงินอยู่ในบ่อน้ำ เงินที่ได้คืน เป็นที่สมบูรณ์ประมาณ 100,000 บาท ส่วนเงินที่ฉีกขาดไปประมาณ 30,000 บาท ตอนนี้ธนบัตรที่ขาดก็ได้นำไปแลกที่ธนาคาร แห่งหนึ่งในตัวอำเภอโกสุมพิสัย โดยทางธนาคารบอกว่าจะส่งไปแบงค์ชาติก่อน ถึงจะทราบว่าจะสามารถแลกคืนได้เท่าไหร่

งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต.หัวขวาง มาก ๆ ที่ช่วยเหลือ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเอาเงินขึ้นมาได้หมด ส่วนน้าสาว ทางครอบครัวเคยนำตัวไปรักษา แต่พอกลับมาบ้านก็ไม่ยอมกินยา ตอนนี้กำลังปรึกษาผู้เชี่ยวชาญถึงกระบวนการรักษาอยู่ว่าจะทำอย่างไร


ด้านนายกิตติศักดิ์ สามเมืองปัก ผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.หัวขวาง กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ( 5 กรกฎาคม 65) ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ว่ามีสิ่งของตกลงไปในน้ำ เป็นบ่อน้ำส้าง (บ่อน้ำใต้ดิน) ความลึกประมาณ 10 เมตร จึงได้เตรียมอุปกรณ์ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ มีชุดประดาน้ำ พัดลมระบายอากาศ เคสนี้ถือว่าค่อนข้างยาก เพราะบ่อน้ำมีความกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ลึกประมาณ 10 เมตร ข้างล่างมีปัญหาคือเป็นดินทราย ทรายดูดลึกลงไปถึงหัวเข่า ทำให้ค้นหาธนบัตรค่อนข้างยาก ที่ผ่านมาไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสัตว์ หรือคนตกลงไป น้ำในบ่อหากไม่ดูดออกก็ลึกประมาณ 7-8 เมตร ก่อนจะลงไปในบ่อ ต้องใช้เครื่องสูบน้ำสูบออกก่อน พอน้ำหมด แต่ทรายไม่หมด ทำให้ยากในการปฏิบัติงาน โดยใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกือบ 3 ชั่วโมง