หมอมนูญ เตือนโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ระบาดเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ เฉลี่ย 1 คน แพร่เชื้อต่อกว่า 18 คน
วันที่ 12 ก.ค.65 นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" โดยระบุว่า "เชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 สามารถแพร่ได้เร็วกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดิมทุกสายพันธุ์ และเชื้อไวรัสโรคอื่น ๆ ทุกชนิดในโลก"
ซึ่งจากการเปรียบเทียบค่า R0 หรือ ค่าเฉลี่ยที่ผู้ป่วย 1 คนจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น พบว่า ผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 สามารถแพร่เชื้อต่อได้กถึง 18.6 คน ซึ่งมากกว่าเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.1 ซึ่งสามารถแพร่เชื้อต่อได้ประมาณ 9.5 คน
โดยข้อความในโพสต์ของหมอมนูญ ระบุรายละเอียดไว้ดังนี้
"เชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 สามารถแพร่ได้เร็วกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดิมทุกสายพันธุ์ และเชื้อไวรัสโรคอื่น ๆ ทุกชนิดในโลก
ด้วยการเปรียบเทียบค่า R0 คนติดเชื้อ 1 คนแพร่เชื้อต่อให้คนอื่นกึ่คน
คนติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อู่ฮั่น 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 3.3 คน
คนติดเชื้อเชื่อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 5.1 คน
คนติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 หนึ่งคนแพร่เชื้อต่อให้อีก 9.5 คน
คนติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 หนึ่งคนแพร่เชื้อต่อให้อีก 18.6 คน
ในขณะที่คนติดเชื้อไวรัสอีสุกอีใส 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 12 คน
และคนติดเชื้อไวรัสหัด 1 คนแพร่เชื้อต่อให้อีก 18 คน
ไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 ในขณะนี้แซงหน้าเชื้อไวรัสทุกชนิดในโลกในด้านการแพร่กระจาย ในอนาคตเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่เช่น BA.2.75 ที่เพิ่งพบในประเทศอินเดีย อาจจะแพร่ได้เร็วยิ่งกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.5 ไม่มีใครคาดเดาได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
ช่วงนี้ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนระมัดระวังตัวมากขึ้น โรคระบาดใหญ่ของโควิดยังไม่จบ เพราะเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 แพร่กระจายได้เร็วมาก ติดต่อกันง่ายที่สุด แต่โชคยังดีที่ไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือต่อไป และรีบไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มกระตุ้นให้ครบทุกคน"