ตำรวจจับกุมสาวแสบชาว อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ หลอกเพื่อน ญาติพี่น้อง และชาวบ้าน ร่วมลงทุน อ้างส่งขายผักห้างดังในประเทศและต่างประเทศ หลอกล่อ ให้ผลตอบแทน 10-15 เปอร์เซนต์ สุดท้ายสูญเงินกว่า 10 ล้าน เหยื่อเผยที่หลงเชื่อเพราะเป็นคนตำบลเดียวกัน แถมโปรไฟล์ดีเคยเป็นถึง ผจก.โรงแรม ไม่คิดว่าจะโกงกันได้ลงคอ

 

วันที่ 15 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้จับกุมตัว นางสาววรรณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีฉ้อโกงทรัพย์ โดยมีเหยื่อกว่า 10 คน ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งขายผักตามห้างดังในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ ซึ่งนางสาววรรณา จูงใจว่า จะให้ผลตอบแทน 10-15 เปอร์เซนต์ของวงเงินที่ร่วมลงทุน โดยที่ไม่ต้องทำอะไรแค่นำเงินมาร่วมลงทุน แล้วจะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า นางสาววรรณา ได้นำเงินไปหมุนเวียนทำธุรกิจส่งออกผักตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ จนสุดท้ายทั้งหมดก็สูญเงินไปรวมกว่า 10 ล้านบาท

โดยช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันนี้ นางสาววรรณา ได้เดินทางไปยัง สภ.ลำดวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากับ ร.ต.อ.ชาคริต นิสัยรัมย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลำดวน เจ้าของคดีตามหมายจับศาลจ.บุรีรัมย์ คดีอาญาที่ 72/2565 ฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชม. เบื้องต้น นางสาววรรณา ให้การปฏิเสธ แต่พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายหลายคน และมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง จึงได้ทำบันทึกจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และควบคุมตัวไว้ที่โรงพัก และจะนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 17 ก.ค.2565 ส่วนจะมีการยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลและศาลจะให้ประกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

ขณะที่บรรดาเหยื่อกว่า 10 คน ได้พากันเดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.ลำดวน หลังจากได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ เมื่อเดือน พ.ค.2565 ที่ผ่านมา และตั้งใจจะมาดูหน้าและทวงถามเงินจากนางสาววรรณา หลังทราบข่าวว่าถูกออกหมายจับ และจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ซึ่งทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่เชื่อใจนำเงินไปร่วมลงทุนกับ นางสาววรรณา เพราะเห็นว่าเป็นคนในตำบลเดียวกัน บางคนก็เป็นญาติพี่น้อง และเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ที่สำคัญเป็นคนโปรไฟล์ดี พูดจาน่าเชื่อถือ และยังเคยเป็นถึงผู้จัดการโรงแรมดังแห่งหนึ่งที่ จ.ระยอง ไม่คิดว่าจะมาหลอกกันได้ลงคอ ซึ่งผู้เสียหายได้พากันเดินทางมาเฝ้ารอนางสาววรรณา ตั้งแต่เช้า

นางมิตรา ไซน์เซอ อายุ 33 ปี หนึ่งในผู้เสียหายบอกว่า ตนเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนประถมด้วยกันกับ นางสาววรรณา โดยเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา นางสาววรรณา ได้มาชักชวนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งผักขายทั้งในและต่างประเทศ โดย นางสาววรรณาบอกว่า จะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด แค่นำเงินมาร่วมลงทุนเท่านั้น หากขายผักได้กำไรก็จะได้ผลตอบแทน 10-15 เปอร์เซนต์ของวงเงินที่ร่วมลงทุน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปร่วมลงทุนตอนแรก 200,000 บาท ซึ่งช่วง 3-4 เดือนแรก นางสาววรรณา ก็โอนเงินผลตอบแทนมาให้จริง 10 เปอร์เซนต์ คือเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งตนเห็นว่า ได้ผลตอบแทนจริง จึงมีญาติพี่น้องนำเงินมาร่วมลงทุนด้วยรวมเป็น 300,000 บาท แต่พอช่วงประมาณเดือน ก.พ.2565 ก็เริ่มไม่ได้ผลตอบแทนโดย น.ส.วรรณา อ้างว่าขาดทุนเพราะผักราคาแพง จนระยะหลังก็ติดต่อไม่ได้เลย กระทั่งมารู้ทีหลังว่ามีคนถูกหลอกร่วมลงทุนอีกหลายคนตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท ก็ไม่ได้เงินเหมือนกันและก็ติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกก็ได้พากันมาแจ้งความ

นางสาวภลดา อายุ 49 ปี ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ที่ตัดสินใจนำเงินเก็บและไปกู้ยืมมาร่วมลงทุน เพราะเห็นว่าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ไม่น่าจะหลอก ทั้งเงินตนเองและญาติพี่น้องก็รวบรวมเงินกันมาร่วมทุนกับ น.ส.วรรณา ตอนแรกก็หลักแสนพอเห็นว่าได้ผลตอบแทนก็เพิ่มวงเงินเป็นหลักล้าน แต่พอคนเริ่มเยอะยอดเงินสูงขึ้น ก็เริ่มจะไม่ได้เงินตอบแทนตามที่รับปากกระทั่งหายไปติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกรวมแล้วทั้งตนและญาติพี่น้องที่หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนรวมกว่า 3 ล้านบาท ยอมรับว่าเดือดร้อนมากเพราะบางส่วนก็ไปกู้ยืมเขามาต้องหาเงินไปใช้ดอกอีก ก็อยากจะได้เงินคืน แต่หากไม่ได้คืนก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย