"แอนนา" ถูกเม้าท์แอบยัดเงินเพื่อจะไปเดินแบบระดับโลกจริงไหม ? พร้อมแจงดรามาเหตุนำเสื้อผ้า "แตงโม" มาขาย
สรุปแล้วแอบยัดเงิน เพื่อจะได้ไปเดินแบบแบรนด์ดังจริงไหม?
-ก็ยอมรับเลยนะคะว่าแอนนาไม่ได้จ่ายเงิน แต่ที่จะยอมรับในวันนี้คือเรามีตัวแทน คือปกติแล้วนางแบบเขาจะมีตัวแทนหรือต้นสังกัด แต่เราจ้างตัวแทนดูแล ไม่ได้เซ็นสัญญากับตัวแทนนะคะ เราจ้างตัวแทนเลย ซึ่งเรตที่จ้างคือน้อยมาก เวลาที่มีงานเขาจะส่งเมลมาให้เรา ดังนั้นเราจะรู้ว่าแต่ละงานมีงานไหนบ้างที่เราตรงสเปก ซึ่งงานที่เราแคสต์ผ่านเขาจะมีสเปกว่าสูงไม่ต่ำกว่า 180 หน้าอก เอว สะโพก ต้องไม่เกินเท่าไหร่ แล้วเขาจะมีเรตที่เป็นกราฟเสื้อผ้า และถ้าเราต้องจ่ายเงินเพื่อไปเดิน เรามาทำคอนเทนต์อยู่ในเมืองไทยที่ได้เอ็นเกจเมนต์สูงกว่าค่ะ
แล้วทำไมชาวเน็ตถึงเข้าใจผิด?
-ถ้าเราจ่ายเงิน เราจะเอาหน้าอกออกทำไม เสียดายหน้าอก เจ็บตัวด้วย เงินเท่าไหร่มันถึงจะพอกับความเจ็บ และถ้าต้องจ่ายเงินจริง เราจะบินไปลงเยอรมันทำไม ถ้ามีเงินขนาดนั้นก็บินตรงลงปารีสเลยค่ะ นี่ลงเยอรมันเพราะประหยัดค่าตั๋ว และจะเอาพี่หลิน (ช่างแต่งหน้า) ไปทำไมถ้าต้องจ่ายเงิน ฉันก็จ้างช่างกองไปเลยสิคะ เพราะไหน ๆ จ่ายเงินไปแล้วช่างกองก็ต้องมาแต่งให้สวย ๆ นี่ต้องเอาพี่เขาไปแต่งหน้า เพราะว่ากลัวแคสต์ไม่ผ่าน และแคสต์ครั้งแรกก็ไม่ผ่านด้วย เพราะเขาบอกว่าเราอ้วนเกิน เอวเราใหญ่ไป ใส่ชุดราตรีเขาไม่ได้เลย แฟน ๆ เราก็บอกว่าทำไมเราได้ชุดไม่สวย ชุดแกง คือชุดไม่ได้แกงค่ะ แต่หุ่นเรามันใส่กับเขาไม่ได้
-และประเด็นที่ได้บอกแบบไม่อายเลย หัวใจหลักคือเราเป็น Influencer เราไม่ใช่นางแบบ ดังนั้นที่เขาเลือกเรา เพราะว่าเราเป็น Influencer มีฐานผู้ติดตาม และเขาต้องการความเป็น Diversity (ความหลากหลาย) เพราะตอนที่เราแคสต์เสร็จ ได้โทรบอกเมญ่าเลยว่า เขาพูดว่าเขาไม่เอา และเขาบอกว่าให้ทุก Modelling ส่งกะเทยหรือ LGBT มาให้หมด เขาต้องการดูคนอื่นบ้าง เวลาผ่านไปประมาณ 2 ทุ่ม เราก็รู้แล้วว่าไม่ได้ ก็ทักเข้าไปหาอีกว่าให้เราลองไปเดินอีกรอบได้ไหม เมื่อเช้าเราตื่นเต้น คือง้อมาก จะร้องแล้ว และพอตอน 2 ทุ่ม ก็ลองไปเดินอีกรอบนึง เขาบอกว่าการเดินไม่สวยเลย ปรับได้ไหม เขาก็แก้ให้เลยชั่วโมงกว่า และเขาก็ถามเราว่าทำไมเดินไม่หยุดเลย เราก็บอกว่าเราจะเดินจนกว่าคุณจะเลือกเรา คุณจะเอาเราแน่นอนว่าเราเดินได้ เขาก็บอกว่าฉันเลือกคุณแล้ว ถ้าฉันไม่เลือกคุณ ฉันไม่เรียกคุณมาอีกรอบหรอก ตอนนั้นก็ดีใจก็เลยลงประกาศ พอลงประกาศเสร็จทัวร์ลงค่ะ แฟนคลับชาวไทยไปคอมเมนต์ เขาบอกว่าเขาไม่เคยเห็นความสามัคคีแบบนี้จากประเทศไหนมาก่อน เพราะนางแบบดัง ๆ ที่มาเดิน นางแบบระดับโลกหลายคนก็ไม่มีใครมาคอมเมนต์เป็นหลายร้อยข้อความ แต่ของเราคนมาคอมเมนต์ 1,800 ข้อความ ซึ่งทางห้องเสื้อพยายามจะหาชุดเพิ่มให้ด้วย ให้ใส่เพิ่ม แต่จะบอกว่ามันได้แค่นั้น
แล้วค่าจ้างตัวแทนราคาเท่าไหร่?
-ก็หลักแสนต้น ๆ ต่อเดือนค่ะ ก็คือถ้ามีงานไหนที่เหมาะกับเราก็ให้เขาส่งมาให้เลยว่าเราจะไปตรงไหนได้บ้าง ถามว่าเราได้เงินบ้างไหม พูดแบบไม่อายเลยนะ ที่เดินแบบไปยังไม่พอค่าตั๋วเลยค่ะ แต่อย่ามองว่าเป็นเรื่องเงิน มองว่าความเป็น LGBT กับโอกูตูร์ มันยังไม่เคยมีใครทำได้นะคะ งานโอกูตูร์เป็นงานแฟชั่นที่เป็นชุดราตรี เป็นชุดชั้นสูงของ Paris Fashion Week และฐานลูกค้าหลักของเขาคือคนอาหรับ ดังนั้น LGBT ก็เลยยังไม่มีโอกาสได้ไปเดิน การที่เขาเลือกเราเพราะเรามีฐานแฟนคลับเยอะ และเขาชอบเรื่องใบหน้า เขาบอกหน้ามีความเป็นเอเชียมาก มันบ่งบอกว่านี่คือคนเอเชีย เขาชอบตรงนี้ แต่ที่เขาไม่ชอบเราคือเรื่องน้ำหนักที่เรายังดูอวบไปนิดนึง และเรื่องการเดินที่เรายังดูเดินเป็นนางงาม ไม่ได้เดินเป็นนางแบบ
ยืนยันใช่ไหม ว่าไม่มีการยัดเงินแน่นอน?
-คือเราเรียนเดินแบบกับ “ทางมิวส์ และทางซูเปอร์สตาร์แบงคอก อคาเดมี่” มีสองครู ซึ่งครูแต่ละคนก็จะแก้ให้เราหมดเลยว่าเรามีปัญหาเรื่องการยืนนะ ชอบยืนหลังค่อมต้องยืนให้สวย และตูดไม่ต้องกระดก เขาสอนหมดค่ะ เรียนเช้า กลางวัน เย็นนะคะ เรียนรวบเลย และหน้าอกก็เจ็บ แผลก็เจ็บ แล้วถ้าต้องยัดเงินคงไม่ต้องทนทรมานขนาดนั้น และถ้าต้องยัดเงินจริงๆ เราเชื่อว่ามีคนรวยกว่าอีกหลายคนที่พร้อมจ่ายและได้ไปเดิน
ค่าใช้จ่ายไปแต่ละรอบหมดเท่าไหร่?
-บอกตรง ๆ ว่าบินไปรอบนี้หมดไปหลายแสน แต่ได้กลับมาหลักหมื่น ไม่คุ้มหรอกนะ แต่ถ้าถามว่าถ้าทุกคนมีโอกาสจะไม่ทำเหรอ เราก็ต้องทำ อย่างรอบนี้ New York Fashion Week ค่าตั๋วไปกลับกับค่าตัว ค่าตัวพูดตรง ๆ บางทีหมื่นเดียว แต่ค่าตั๋วไปกลับและค่ากินบางที 3-4 แสนแล้ว แต่เราทำเพื่อความภาคภูมิใจในชีวิตเรา และถ้าวันหนึ่งเราดังมีชื่อเสียงมากพอ เงินมันจะกลับมาเอง (ถามว่าต้องใช้เวลากี่ปี) คือทางตัวแทนคือน่ารักมาก เขาจะบอกตลอดว่าอันนี้ให้ลบนะ ลงไม่ได้
มีอีกดรามาหลังนำเสื้อผ้า "แตงโม นิดา" ออกมาขาย?
-คืองานที่เมืองไทยบอกแล้วว่างานพิธีกรที่เป็นงานหลักจะไม่รับแล้ว ขอหยุดหน้าที่พิธีกรในเมืองไทยทั้งหมด พูดตรง ๆ จากใจเลยคือไม่อยากอ่านข่าวโม เพราะทุกครั้งที่อ่านมันจี๊ดอยู่ในใจ มันเหมือนจี้ปม และเราไม่สามารถไปบอกทางโปรดิวเซอร์ได้ว่าวันนี้เราไม่อ่านข่าวโมได้มั้ย เราไม่อยากเจอทัวร์แล้ว ไม่อยากโดนมองว่าหิวแสง ไม่อยากทำอะไรแบบนั้นแล้ว ล่าสุดไปเอาเสื้อผ้าโมมาขายก็ทัวร์ลงอีก คนก็บอกว่าทำไมเอาเสื้อผ้ามาขาย ทำไมไปยุ่งกับเสื้อผ้าคนตาย
เป็นมายังไง ถึงเอาเสื้อผ้าออกมาขาย?
-ต้องเล่าว่าตอนนี้บ้านโมมีสองหลัง โอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อคุณแม่เรียบร้อย และคุณแม่เขาจะคลีนบ้าน และเขาเองก็ไม่มีที่เก็บเสื้อผ้า เขาก็ถามเราว่าจะทำยังไงดี เอาไปทำอะไรได้บ้าง ก็เลยบอกว่าปกติเวลาโมอยู่จะชอบเอาเสื้อผ้าไปขาย แล้วเอาเงินไปทำบุญ เราก็เลยบอกว่างั้นเอาเงินไปทำบุญไหม แม่ก็บอกว่าโอเค เราเป็นคนเสนอเองว่าครึ่งหนึ่งก็ให้แม่เนอะ อีกครึ่งหนึ่งขออนุญาตเอาไปทำบุญ ไปช่วยน้องหมาน้องแมว เอาไปสร้างโบสถ์ ก็ตัดปัญหาที่ว่าเงินจะให้แม่ ซึ่งก็ควักออกเอง เพราะจะได้ไม่มีดรามา และเงินในส่วนทำบุญก็คือใครซื้อมาเท่าไหร่ก็ทำบุญ 100% จบ แล้วเบิร์ด (แฟนหนุ่ม) ก็มาช่วยคัดเสื้อผ้าด้วย วันนั้นมีแอนนา เบิร์ด แก๊งชั้นสอง ฮิปโปก็อยู่ แต่เสื้อผ้าบางตัวที่มันมีเรื่องราวเราก็ไม่ได้ขาย