ลุงชาวนครสวรรค์โอดเหมือนตายทั้งเป็น ถูกแจ้งมรณะที่นนทบุรีตั้งแต่ 25 ปีก่อน ทั้งที่ยังมีชีวิต ทำให้ใช้ชีวิตลำบาก หางานยาก ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ

 

วันที่ 24 ก.ค. 65 นายองอาจ บุญฤทธิ์ อายุ 65 ปี ชาวบ้าน ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้รับความเดือดร้อนมานานนับสิบปี จากการถูกแจ้งมรณะ มีใบมรณบัตรเป็นของตนเองทั้งที่ไม่ได้เสียชีวิต ทำให้ไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนได้ รวมถึงไม่ได้รับการช่วยเหลือค่าสวัสดิการต่างๆ ของรัฐด้วย

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า นายองอาจยังมีสุขภาพแข็งแรง และพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับภรรยา ส่วนลูกๆ มีครอบครัวและทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ กันหมดแล้ว โดยนายองอาจนำเอกสารหลักฐานมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับเปิดเผยว่า เมื่อช่วงปลายปี 2553ได้เดินทางไปขอต่ออายุบัตรประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองนครสวรรค์ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า ไม่สามารถต่ออายุบัตรประชาชนให้ได้ เนื่องจากตนมีใบมรณบัตรที่ได้แจ้งการตายเอาไว้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2540 โดยมีนายชูชาติ (ขอสงวนนามสกุล) ได้แจ้งขอออกใบมรณบัตรไว้ที่เทศบาลนครนนทบุรี ระบุว่า นายองอาจ บุญฤทธิ์ เสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบ ที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก จ.นนทบุรี และได้แจ้งว่ามีการเคลื่อนย้ายร่างไปทำพิธีฌาปนกิจศพวัดมหาบุศย์ เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540

นายองอาจ กล่าวว่า เมื่อตนเรื่องก็รู้สึกตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่จู่ๆ ก็มีการแจ้งขอออกใบมรณบัตรทั้งที่ตนยังมีชีวิตปกติทุกอย่าง ซึ่งก็ยังมองว่าอาจจะเกิดการผิดพลาดจากชื่อนามสกุลที่อาจมีคนมีชื่อนามสกุลเดียวกันก็ได้ แต่เมื่อตนได้ขอตรวจสอบเอกสาร กลับปรากฏหลักฐานทั้งเลขเลขบัตรประชาชน รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เหมือนกับของตนทุกอย่าง ผิดอยู่อย่างเดียว คือ ชื่อบิดามารดาของตนไม่ตรงกับที่เขาได้แจ้งไว้

หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน ตนได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อำเภอให้ไปหาหลักฐานใบมรณบัตร และไปตรวจสุขภาพเพื่อออกใบรับรองแพทย์ รวมถึงให้ญาติพี่น้องในครอบครัวหรือเพื่อน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.พระนอน เซ็นชื่อรับรองยืนยันว่าตนยังไม่ได้ตาย เพื่อยื่นเรื่องคำร้องขอยกเลิกใบจำหน่ายการตายของสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครนนทบุรี แต่ปรากฏว่า คำร้องนั้นก็ไม่เป็นผล และตนยังคงมีชื่อแจ้งตายมาจนทุกวันนี้

โดยทางสำนักทะเบียนเทศบาลนครนนทบุรี ให้เหตุผลว่าเนื่องจากข้อมูลรายบุคคลของผู้ที่แจ้ง แม้จะใช้ชื่อและนามสกุล รวมถึงเลขบัตรประชาชน 13 หลักเดียวกับตน แต่ในรายการข้อมูลใช้ชื่อบิดามารดาคนละชื่อและที่อยู่แตกต่างกัน จึงเชื่อว่าเป็นคนละบุคคลกัน ส่วนสาเหตุที่รายการบุคคลของตนถูกจำหน่ายตายในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร เนื่องจากการปรับปรุงรายการข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง ได้มีการนำเลขบัตรประชาชนของตนมาลงในใบมรณบัตร จึงเป็นเหตุทำให้รายการบุคคลของตนถูกจำหน่ายตายในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร

นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า ผ่านมานับสิบปีแล้วที่ตนไม่มีบัตรประชาชนใช้ เพราะชื่อของตนยังไม่ถูกยกเลิกการแจ้งตาย ทำให้ตนสูญเสียโอกาสหลายอย่าง จะออกไปหางานทำที่ไหนก็ลำบาก กลัวว่าจะถูกจับ หนำซ้ำยังประสบกับปัญหาไม่ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ไม่ได้รับการชดเชยเรื่องการเกษตรจากภาครัฐ ไม่มีชื่อรับสิ่งของบริจาคจากภาครัฐและเอกชน จะใช้สิทธิ์ไปเลือกตั้งก็ไม่ได้ อีกทั้ง ยังไม่สามารถขอกู้เงินมาลงทุนจากภาครัฐหรือจากกลุ่มเอกชนได้

ส่วนบุคคลที่ไปแจ้งตาย นายองอาจ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็นหน้านายชูชาติ ที่ไปแจ้งตาย แต่ก็อยากจะฝากบอกไปถึงเขาว่า เรื่องนี้ทำให้ตนเดือดร้อนอย่างหนัก ต้องทนทุกข์มานาน ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกต้นไม้ขายไปวันๆ ส่วนภรรยาก็ต้องมาเดือดร้อนตาม เพราะต้องหารายได้มาใช้จ่ายภายในบ้านจนแทบไม่มีเหลือเก็บกันเลย จึงอยากวิงวอนร้องขอหน่วยงานหรือผู้รู้ โปรดให้การช่วยเหลือ ตนจะได้ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไป