นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ รุดช่วยลุงถูกแจ้งตายทั้งที่ยังไม่ตาย ลั่น 2 สัปดาห์รู้ผล พร้อมคืนสถานะเหมือนประชาชนทั่วไป
วันที่ 24 ก.ค. 65 กรณีนายองอาจ บุญฤทธิ์ อายุ 65 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ที่ถูกแจ้งตายด้วยโรคปอด และมีใบมรณบัตรเป็นของตนเอง ทั้งที่ยังไม่ได้ตาย จนทำให้ชีวิตต้องทุกข์ทน ไม่สามารถออกไปหางานทำได้ แถมยังเสียสิทธิ์ที่จะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากภาครัฐมาเป็นเวลานานกว่า 12 ปี เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถช่วยเหลือในการยกเลิกการแจ้งตายได้
ล่าสุด ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ พร้อมด้วยปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ได้เดินทางมาที่บ้านของนายองอาจ โดยมีผู้นำองค์กรส่วนท้องถิ่น ญาติพี่น้องของนายองอาจ เข้าร่วมให้ปากคำกับนายอำเภอนายกว่า 1 ชั่วโมง
นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการสอบปากคำนายองอาจ รวมถึงผู้นำองค์กรท้องถิ่น ญาติพี่น้องของนายองอาจทั้งหมด พร้อมกับรวบรวมเอกสารทุกอย่างครบถ้วนหมดแล้ว ขณะนี้ ได้ประสานเรื่องไปยังอำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี ด้วยแล้วเช่นกัน ในการเชิญตัวนายชูชาติ ผู้ที่ไปแจ้งขอใบมรณบัตรของนายองอาจ มาร่วมปากคำถึงสาเหตุการไปแจ้งตาย ซึ่งในส่วนนี้ ต้องรอให้ทางอำเภอบางบัวทอง ส่งหนังสือแจ้งกลับมาก่อน และคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถคืนสถานะให้กับนายองอาจได้
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบแล้วพบว่า ในวันที่นายองอาจไปแจ้งขอต่ออายุบัตรประจำตัวประชาชน แล้วระบบตรวจเจอว่ามีการใช้เลขประจำตัว 13 หลักของเจ้าตัวไปแจ้งตาย จึงทำให้ระบบตรวจพบแล้วล็อกทันที ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2553
เมื่อถามถึงการดำเนินการเอาผิดคนแจ้งตาย นายอำเภอ ระบุว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการสอบปากคำผู้ที่ไปแจ้งก่อน อาจจะเป็นไปได้เรื่องความผิดพลาดของข้อมูลในสมัยก่อน โดยเมื่อปี 2540 ผู้ที่เสียชีวิตจริงได้มีการใช้ชื่อและนามสกุลเดียวกับนายองอาจ บุญฤทธิ์ แต่หลักฐานในการแสดงตัวต่าง ๆ นั้นไม่มี จึงทำให้คนที่ไปแจ้งตายแจ้งแต่เพียงชื่อและนามสกุลเอาไว้ กระทั่ง เมื่อเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล ก็ได้มีการนำเลข 13 หลักของนายองอาจไปใช้ลงประวัติการตาย จึงทำให้ฐานข้อมูลของนายองอาจถูกล็อก กลายเป็นคนที่ถูกแจ้งการเสียชีวิตไปโดยปริยาย