โฆษก บช.น. ตำรวจเผยเตรียมประสานสารวัตรบางพลัด รับทราบข้อกล่าวหากระทำอนาจารดาราสาว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากผิดลงโทษทางวินัย



พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พาดาราสาวผู้เสียหายแจ้งความกับตำรวจ สน.คันนายาว ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำแหน่งสารวัตร สน.บางพลัด กระทำอนาจาร ว่า สำหรับกรณีดังกล่าวพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้กำชับให้ทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งเครัด โดยขณะนี้ พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ได้รับแจ้งความและสอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงประสานให้เพื่อนผู้เสียหายมาเป็นพยานในการสอบปากคำ และจะประสานผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหากระทำอนาจารต่อผู้มีอายุเกินกว่า 15 ปี ภายในวันนี้ (4 สิงหาคม) โดยเบื้องต้นทางผู้ถูกกล่าวหารับว่าอยู่ในที่เกิดเหตุดังกล่าว แต่ในเรื่องพฤติการณ์ทาวคดีนั้นยังไม่ได้ให้การกับผู้บังคับบัญชาแต่อย่างใด ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีที่ยอมความได้ ขึ้นอยู่กับตัวผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีทางกฎหมาย

พล.ต.ต.จิรสันต์  กล่าวอีกว่า ส่วนความผิดด้านวินัย วานนี้(3 สิงหาคม) พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางพลัด ได้สั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมี รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางพลัด เป็นหัวหน้ากรรมการ หากมีมูลความผิดจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ทาง บช.น.ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียหายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะทำตามกฎหมายและวินัยอย่างเคร่งครัด หากผู้เสียหายรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ความปลอดภัย สามารถแจ้งมายัง บช.น. ได้

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้น ยังไม่พบว่าตำรวจนายดังกล่าวเคยถูกร้องเรียนความผิดลักษณะนี้มาก่อน โดยขณะนี้เจ้าตัวได้ลาหยุดพักผ่อนตามสิทธิ์ของข้าราชการเป็นเวลา 5 วัน ทั้งนี้ หากคดีอาญามีโทษจำคุกก็ต้องมีการดำเนินการด้านกระทำผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นให้ออกจากราชการ และขอยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงแต่อย่างใด ขอเรียนว่าทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี อย่างไรก็ตาม นโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้พยายามให้มีการฝึกอบรมทั้งยุทธวิธีและ ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง