ทนายรณณรงค์ ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอ ร้องให้รับ "คดีไฟไหม้ผับเมาน์เทนบี" เป็นคดีพิเศษ เหตุเป็นคดีร้ายแรง เชื่อว่ายังมีหุ้นส่วนรายอื่นที่มีอิทธิพลหนุนอยู่เบื้องหลัง ลั่นไม่อยากให้เป็น "วัวหาย (ไม่) ล้อมคอก" เหมือนซานติก้าผับ ผ่านมา 13 ปี รัฐไม่เคยแก้ไขอะไรเลย
วันที่ 9 ส.ค. 65 นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เข้ายื่นหนังสือถึงนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีพันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน กรณีเหตุเพลิงไหม้ผับเมาน์เทนบี อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายคน เพื่อขอให้รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีที่ร้ายแรง และคาดว่าน่าจะมีหุ้นส่วนร้านรายอื่นอีกที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ โดยมีเหตุผล 3 ประการคือ
1. สถานบันเทิงที่เปิดโดยไม่มีมาตรการความปลอดภัย และจดแจ้งผิดประเภท อีกทั้งเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด และเปิดให้เยาวชนที่อายุไม่ถึงเกณฑ์เข้าใช้บริการ ตนเองไม่เชื่อว่าตำรวจในท้องที่และเจ้าหน้าที่มหาดไทยจะไม่ทราบเรื่องนี้ และการกระทำผิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ เชื่อว่าน่าจะมีการให้ทรัพย์สินหรือให้ผลประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าหน้าที่เพื่อจูงใจให้กระทำการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และเมื่อมีการเสนอผลประโยชน์แก่ท้องที่และมีเหตุที่ร้ายแรงเกิดขึ้นเช่นนี้ การจะให้ท้องที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เกรงว่าจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรงและอาจทำให้ผู้เสียหาย ทั้งผู้ตายและผู้บาดเจ็บไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างเต็มที่
2. การเปิดร้านผับบาร์ สถานบันเทิงที่กระทำการผิดต่อบทกฎหมายหลายข้อและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วมักจะมีหุ้นส่วนเป็นทหาร ตำรวจหรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง และเจ้าของร้านที่ถูกจับกุมอายุเพียงแค่ 27 ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเจ้าของร้านแต่เพียงผู้เดียว จำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินและสืบหาหุ้นส่วนร้านรายอื่นซึ่งอาจเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเป็นข้าราชการทหาร ตำรวจเบื้องหลัง หากปล่อยให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการ คาดว่าคดีคงตัดจบเพียงนายพงศ์ศิริ หรือ "เสี่ยบี" เป็นจำเลยแต่เพียงผู้เดียว
3. คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญอย่างร้ายแรงที่มีผู้เสียหายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากอันอยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งประเทศ เป็นคดีที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยต่อการทำงานของตำรวจท้องที่ว่าการที่เร่งรัดตัดจบคดีนั้นเพื่อปกปิดบุคคลที่อยู่เบื้องและปกปิดความผิดอื่น ๆ อีกหรือไม่ ทั้งการเรียกรับส่วยหรือผลประโยชน์อื่นหรือการปล่อยปละละเลยให้มีการตั้งสถานบันเทิงที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่
ทั้งนี้นายรณรงค์ เปิดเผยว่า คดีนี้ทั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องร่วมกันตรวจสอบทำคดีให้มีความชัดเจน ในการเอาผิดถึงนายทุนเจ้าของผับเมาน์เทนบีตัวจริงมารับผิดชอบ ไม่ใช่ตัวละครแทน อีกทั้งยังไม่มั่นใจว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเป็นธรรม เช่นเดียวกับกรณีของซานติก้าผับ เมื่อปี 2552 ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอะไรเลย หากไม่มีการแก้กฎหมายก็อาจจะทำให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต จึงไม่อยากให้เป็นการ "วัวหาย (ไม่) ล้อมคอก" อีก เหมือนเช่นซานติก้าผับที่ผ่านมา 13 ปี แล้ว แต่รัฐไม่เคยแก้ไขอะไรเลย
ด้านพันตำรวจตรีวรณัน เปิดเผยว่า จะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นกับกรณีที่เกิดขึ้นก่อน จากนั้นก็จะนำมาพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์ที่จะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ซึ่งในคำร้องที่ยื่นมาระบุว่า อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่อย่างไร