ดีเอสไอ รับมีหนังสือจากอัยการ แนะนำให้สอบอีก 16 คน รวมดีเจแมนและใบเตย คดีFOREX-3D

 

พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุถึงการดำเนินคดี FOREX-3D ว่า ในส่วนของคดีดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจตรงกันว่า คดีการฟอกเงินมีการดำเนินการ หลังจากจับกุมผู้ต้องหากลุ่มแรกได้เมื่อปี 2563 ซึ่งจนถึงขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ มีการยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท ส่วนอีกฝั่งคือการดำเนินคดีเอาผิดผู้กระทำความผิด

ซึ่งในคดีแรกมีการดำเนินการกับ นายอภิรักษ์ โกฎธิ ที่เป็นผู้บริหารสูงสุด พร้อมกับพวกรวม 4 คน ซึ่งตัวผู้ต้องหา ปัจจุบันมีการดำเนินการคุมขังอยู่ในเรือนจำ หลังจากที่ทางดีเอสไอสามารถจับกุมตัวนายอภิรักษ์ ได้จากคอนโดหรูย่านทองหล่อ ในช่วงเดือนมกราคมปีที่แล้ว

ส่วนดาราสาวพิงกี้ ที่เพิ่งเข้าเรือนจำหลังศาลอาญาไม่ให้ประกันตัวชั่วคราวเมื่อวานนี้ จัดอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาลำดับที่ 2 ที่มีจำนวนรวมทั้งหมด 21 คน แต่หลบหนีหมายศาลไป 2 คน จึงเหลือเพียง 19 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมไปถึงพี่ชายและมารดาของดาราสาวเองด้วย ซึ่งในส่วนของกลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่ในลำดับที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์แบ่งหน้าที่กันทำ เช่น การร่วมลงทุนหรือชักชวนให้มีผู้เข้ามาร่วมลงทุน

โดยในส่วนของดาราสาวพิงกี้ จากข้อมูลพบมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีการเซ็นสัญญาร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้บริหาร และมีการชักชวนคนรู้จักและเข้าร่วมกลับกลุ่มผู้บริหาร โดยการรู้จักผ่านทางพี่ชาย ที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ในลำดับที่ 2 เช่นเดียวกัน

ขณะที่ล่าสุดที่มีกระแสข่าวว่า พนักงานอัยการมีการส่งหนังสือแนะนำให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับอีก 16 คน ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อมีการตรวจสอบพบว่า มีหนังสือแนะนำจากพนักงานอัยการ มาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจริง เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อ 16 บุคคล ที่พนักงานอัยการมีความเห็นว่าควรจะพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมไปในคดีนี้ ซึ่งในส่วนของ 16 บุคคล ที่มีการส่งรายชื่อมา ปรากฎชื่อ นายพัฒนพล มินทะขิน หรือดีเจแมน และ นางสาวสุธีวัน กุญชร หรือใบเตย ตามกระแสข่าว ซึ่งในขั้นตอนต่อจากนี้พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่า 16 บุคคลตามรายชื่อใหม่ มีความเกี่ยวข้องทางคดีในด้านไหนบ้าง และมีความผิดที่ต้องดำเนินคดีทางอาญาหรือไม่ เนื่องจากเป็นกฎระเบียบพื้นฐานตามระเบียบวิธีพิจารณาคดีความอาญามาตรา 134 ว่าพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน ก่อนจะพิจารณาว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามสมควรดำเนินคดีหรือไม่

ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวยังไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาของการทำงานได้ แตกต่างจากการที่พนักงานอัยการมีหนังสือให้สั่งสอบเพิ่มผู้ต้องหาในคดี เพราะในลักษณะของการสั่งให้มีการสอบเพิ่มในคดีอาญาเป็นการสั่งให้สอบในประเด็นต่างๆเพิ่มเติม รวมถึงอาจเป็นการเพิ่มโทษในคดีที่มีการแจ้งข้อหาไปแล้ว แต่ในส่วนของการแนะนำให้พิจารณา จะเป็นการแนะนำให้ตรวจสอบบุคคลซึ่งอาจจะไม่มีความผิดก็ได้ เช่นกัน

โดยโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังฝากถึงกลุ่มดารานักแสดงผู้มีชื่อเสียงทางสังคม หรือเป็นที่รู้จักของประชาชนว่าหากมีการถูกชักชวนให้ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์หรือโฆษณากลุ่มธุรกิจที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายการเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือการร่วมลงทุนต่างๆขอให้ตรวจสอบกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องหรือมีหน้าที่กำกับดูแลลักษณะของธุรกิจนั้นเพื่อความถูกต้อง เพราะไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยงและได้ผลตอบแทนสูงเกินจริงโดยไม่ต้องทำอะไร เพราะหากตกลงเป็นพรีเซนเตอร์หรือตัวแทนในการชักชวนบุคคลอื่นหากธุรกิจนั้นมีความผิดก็จะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน