ฝ่ายปกครองสระบุรี นำกำลังบุกจับ "ละอ่อน" ผับลับกลางเมืองแก่งคอย พบไม่มีใบอนุญาต ปล่อยเด็กอายุต่ำกว่า 20 มั่วสุมเพียบ เตรียมเสนอผู้ว่าฯ สั่งปิดเป็นเวลา 5 ปี

 

เมื่อเวลา 00.03 น. วันที่ 21 ส.ค. นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ นายอำเภอแก่งคอย พร้อมด้วยนายพุฒิชาติ จันทอง ป้องกันจังหวัดสระบุรี และนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ นางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง จู่โจมเข้าตรวจค้นจับกุมสถานประกอบการชื่อ "ละอ่อน"

จากการเข้าตรวจสอบ พบมีการให้บริการในลักษณะเป็นสถานบริการ แต่ไม่พบว่ามีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ตาม พรบ. สถานบริการ พ.ศ.2509 ภายในร้านพบนักเที่ยวเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 7 คน ซึ่งหนึ่งในนี้มีอายุต่ำสุดเพียง 17 ปี โดยเมื่อเข้าตรวจสอบในโซนผับลับ พบว่ามีการใช้อาคารสถานที่ผิดประเภท และอาจมีการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีช่องทางการหนีไฟ ไม่มีป้ายบอกทางหนีไฟ ประตูทางเข้าออกมีเพียงทางเดียว 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ว่าสถานประกอบการดังกล่าว ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต,จำหน่ายสุราให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ,จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ,ความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ,ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ข้อ 4 (1)-(4) ทั้งนี้ อ.แก่งคอย จะเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเพื่อออกคำสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี พร้อมทั้งประสาน อบต.ตาลเดี่ยว เข้าตรวจสอบอาคารสถานที่ดังกล่าว หากพบกระทำผิดกฎหมายจะให้มีการสั่งระงับการใช้อาคารต่อไป

นายรณรงค์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีนโยบายให้เข้มงวดกวดขันสถานประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ไม่มีมาตรฐาน มีการปล่อยปละละเลยให้มีเด็กเข้ามาใช้บริการ หรือมีการฝ่าฝืนกฎหมายอื่นๆ หากพบว่ามีการร้องเรียนเข้ามายังกระทรวงมหาดไทย จะมีการตรวจสอบทุกแห่ง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะมีการดำเนินคดีกับสถานประกอบการทุกแห่งทั้งทางอาญา พร้อมทั้งเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปิดสถานประกอบการดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 ปี ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด