"ชลน่าน" ระบุ หาก "ประยุทธ์" พ้นตำแหน่ง "อุ๊งอิ๊ง" ยังไม่เหมาะนั่งนายกฯ คนนอก แนะยุบสภาช่วงนี้ไม่เหมาะ แต่นายกฯ ควรประกาศหมดวาระเที่ยงคืน 23 ส.ค.

 

วันที่ 21 ส.ค. 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ครบ 8 ปี หากท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งจะเสนอใครเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเพิ่มเติมหรือไม่ ว่าหากนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งโดยหลักแล้วพรรคเพื่อไทยต้องส่งแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรคไปสู้ และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยตอนนี้มี 3 รายชื่อ แต่มี 2 คนที่มีภารกิจอื่นไปแล้ว แคนดิเดตจึงเหลือเพียงแค่นายชัยเกษม นิติสิริ ส่วนการเสนอชื่อนายกฯ คนนอกนั้นจะเป็นใครก็ได้ แต่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ปรึกษาหารือชื่อนายกฯ คนนอก เพราะว่ายังมีคนในบัญชี ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยังไม่เหมาะในสถานการณ์ตอนนี้ รวมถึงการเสนอชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยในการเสนอ

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า คำร้องที่ฝ่ายค้านได้ส่งให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เพื่อให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความการเป็นนายกรัฐมนตรี ครบรอบ 8 ปีนั้น มี 2 เรื่อง คือ ขอให้ศาลวินิจฉัยความเป็นนายกของ พล.อ.ประยุทธ์ และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากในวันพรุ่งนี้ ถ้ามีหนังสือออกจากสภาฯเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยปกติศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมทุกวันพุธ ก็คือ วันที่ 24 สิงหาคม ก็อาจจะมีการตั้งองค์คณะที่จะมาช่วยพิจารณารับคำร้องหรือไม่ แต่คำร้องของฝ่ายค้านมีคำร้องที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย ก็อาจจะประชุมทั้งองค์คณะ ซึ่งก็จะรู้วันนั้น

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ยุบสภาใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า การยุบสภาช่วงนี้มีแต่โทษ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศ ส่วนตัวมองว่า ข้ออ้างในการยุบสภาก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะสาเหตุที่อ้างได้คือ จะต้องมีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ เช่น การพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ในวันที่ 23 สิงหาคม ถ้าไม่ผ่านก็เหมาะสมเลย

เมื่อถามว่า แล้วมีสิทธิ์ที่จะไม่ผ่านหรือไม่ นพ.ชลน่าน หัวเราะก่อนจะตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ในประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะหากเสียงข้างมากถูกบัญชาการให้ใช้ช่องทางนี้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งหมด เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลที่สุด ส่วนเหตุผลอื่นที่ต้องการให้ตัวเองอยู่ในอำนาจได้ยาวนั้น เป็นเหตุผลอันตราย เพราะสิ่งที่เราเป็นห่วงคือ การอยู่ในตำแหน่งของนายกฯ เกิน 8 ปี จะไปสอดรับกับจุดมุ่งหมายและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ชัดเจนว่า อยู่ยาวเกิน 8 ปี จะเกิดการผูกขาดอำนาจทางการเมือง และจะเกิดวิกฤตทางการเมือง เราไม่อยากให้เกิดแบบนั้น ดังนั้นการยุบสภาช่วงนี้ หากเพื่อให้ตัวเองรักษาอำนาจและรักษาการได้ ข้อถกเถียงก็คือ จะมีกฎหมายเลือกตั้งมาใช้ในการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะกฎหมายยังไม่ออก อีกทั้งการออก พรก.เลือกตั้งนั้น การบังคับใช้ก็จะเหมือน พรบ. ไม่เหมือน พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญอย่างกฎหมายเลือกตั้ง

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวต่อด้วยว่า หากตนเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาประกาศเย็นวันที่ 23 สิงหาคม บอกไปเลยว่า ตนเองจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเวลา 24.00 น.ของวันนี้ ขอให้รัฐสภาดำเนินการเลือกนายกฯ คนต่อไป ทุกคนจะปรบมือ นี่คือความรับผิดชอบ และ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในใจประชาชน นี่คือลงจากตำแหน่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่การลาออก แต่เป็นบทบัญญัติตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านคาดหวังหรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะออกอย่างสง่างาม นพ.ชลน่าน ยอมรับว่า ตนฝันว่าจะเป็นทางลงที่ดีที่สุด สิ่งที่ห่วงที่สุดคือ ประชาชนจะลุกฮือขึ้นมา เพราะจะเกิดวิกฤต อย่าว่าแต่อยู่ในประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีที่อยู่เลย