หลานชาย อดีต รมต. เข้ารับทราบข้อกล่าวหา คดีข่มขืนดาราสาว เผยโดนแบล็กเมล์ พร้อมเปิดหน้าสู้คดี
จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พานักแสดงสาววัย 21 ปี เข้าพบ พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.โชคชัย เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีถูกนักธุรกิจเจ้าของบริษัทใหญ่ หลานชายอดีตรัฐมนตรี ก่อเหตุวางยาข่มขืนในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ย่านนาคนิวาส 2
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอภิดิศร์ หรือเอ็ม ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาที่ สน.โชคชัย โดยทันทีที่ลงจากรถ นายเอ็มได้เดินเข้ามาหาสื่อมวลชน พร้อมกับเปิดหน้ากากอนามัย บอกว่า วันนี้ตนพร้อมจะเปิดหน้า เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรต้องหลบหนี และวันนี้ตนมีหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวน ซึ่งหลักฐานของตนชัดเจน สามารถยืนยันได้ว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหา ไม่เป็นความจริง ไม่มีการมอมยา และตนเองถูกฝ่ายหญิงแบล็กเมล์
โดยรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนขอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อน แล้วจะมีการชี้แจง พร้อมเปิดเผยหลักฐานบางส่วนอีกครั้ง แต่เบื้องต้น ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ ไม่ใช่การที่ตนนัดไปคุยงาน ตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง แต่เป็นฝ่ายผู้เสียหาย ที่บอกว่าทะเลาะกับพี่สาว และคุยแช็ตกับตนว่า อยู่ที่สยามคนเดียว ไม่มีที่ไป พอผู้เสียหายถามว่าตนทำอะไรอยู่ แล้วตนบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ผู้เสียหายก็บอกว่า ดีจังเลยมีบ้านให้กลับด้วย ซึ่งตนเองก็เป็นคนขี้สงสารด้วย ต่อมา ช่วง 4 ทุ่มครึ่ง ผู้เสียหายก็บอกว่า วันนี้จะไม่กลับห้อง ตนพอจะแนะนำโรงแรมให้ได้หรือไม่ ซึ่งยอมรับว่า คืนนั้น ตนไม่ใช่แค่ไปส่งที่โรงแรมอย่างเดียว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทั้งหมด ตนมีหลักฐานชัดเจน และยืนยันไม่มีการมอมยา สิ่งที่นำไปมีเพียงแค่โซจูเท่านั้น ส่วนที่รู้จักกันได้อย่างไรนั้น ยอมรับว่าตนเป็นฝ่ายทักไปหาก่อนจริง เพราะต้องการให้ผู้เสียหายมารีวิวสินค้าให้ โดยเพิ่งพูดคุยกันได้ไม่ถึงเดือน และไม่มีการคบหากันเชิงชู้สาวแต่อย่างใด
และที่ทางผู้เสียหาย อ้างว่า ตนมีเส้นสายกับตำรวจ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนสาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องไม่เคยติดต่อหาใคร และตนก็เห็นใจตำรวจที่ต้องโดนต่อว่าไปด้วย และก่อนหน้านี้ที่ตนยังไม่ได้มาพบพนักงานสอบสวน ก็เพราะว่าตามหมายเรียกระบุวันนัดหมายคือวันที่ 29 ส.ค. ตนก็มาตามนัด ซึ่งก่อนหน้านี้ไปเที่ยวกับครอบครัวที่หัวหิน เพิ่งเดินทางกลับมา
ทั้งนี้ ข่าวที่ออกไปทำให้ครอบครัวตนเสียหาย ทั้งที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ ตนเองเพียงผู้เดียว แต่ครอบครัวต้องถูกเอาชื่อ เอารูปมาพาดพิงถึง แต่กรณีนี้อยากขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนและประชาชน เพราะตนไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนที่ผู้เสียหายนำรูปภาพ นำบัญชีอินสตาแกรมของตนไปเปิดเผย ทั้งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าตนกระทำผิดจริง ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และสร้างความเสียหายให้กับตน และอยากฝากถึงทนายษิทราว่า ตนเคารพและชื่นชอบทนายษิทรา ไม่อยากให้กลายเป็นคนที่ไปเข้าข้างคนผิด
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าฝ่ายผู้เสียหายทำไปเพื่อแบล็กเมล์นั้น หมายความว่ามีการเรียกผลประโยชน์เกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่ นายอภิดิศร์ ไม่ตอบ แต่บอกว่าให้ดูหน้าตน พร้อมกับทำหน้ายิ้ม และนายอภิดิศร์ ยังบอกด้วยว่า หลังพบพนักงานสอบสวนแล้ว ตนมีบางอย่างจะเปิดเผยให้สื่อมวลชนดู ซึ่งน่าจะชอบใจ แต่ยังไม่ขอบอกว่าเป็นอะไร
ส่วนกรณีที่ อาน้อง อาของตนมีการโทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายนั้น เป็นเพราะพออาทราบเรื่อง จึงมีความเป็นห่วง และโทรไปคุยโดยที่ยังไม่ได้สอบถามอะไรจากตนเอง ซึ่งต้องขอโทษแทนคุณอาด้วย แต่ยืนยันได้ว่า การพูดคุยกัน อาของตนพูดจาด้วยดีมาก แต่คลิปที่อีกฝ่ายนำมาเผยแพร่ ถูกตัดออกไปหลายส่วน ซึ่งฝ่ายอาตน ก็ได้มีการบันทึกเสียงทั้งหมดเอาไว้เช่นกัน
พันตำรวจเอกพรทวี สมวงค์ ผู้กำกับการ สน.โชคชัย เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายอภิดิศร์ เข้าพบพนักงานสอบสวนและมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว วันนี้พนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญารัชดาเพื่อขอฝากขัง เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง โดยจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะรับฝากขังหรืออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพราะผู้ต้องหาเข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรา 1 ข้อหา แต่หากภายหลังผลตรวจร่างกายพบยาหรือสารเสพติด อาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ มีรายงานว่า กรณีที่ผู้เสียหายอ้างว่า มีหลักฐานแช็ตบางอย่างหายไปนั้น เอกสารไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ที่พนักงานสอบสวนครบ และได้นำหลักฐานทั้งหมดไปขออนุมัติศาลออกหมายจับครั้งแรก แต่ที่ผู้เสียหายเข้าใจผิด เนื่องจากตอนนำหลักฐานกลับคืนไป ผู้เสียหายนำเอกสารกลับคืนไปไม่ครบ ส่วนที่ศาลไม่อนุมัติออกหมายจับ ไม่ใช่เพราะเอกสารหลักฐานไม่ครบ แต่เป็นเพราะศาลเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตำรวจสามารถดำเนินการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาได้เลย