"หมอชลน่าน" ย้ำ จะติดตามการใช้อำนาจของรักษาการนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด ชี้การยุบสภาฯ ช่วงนี้ไม่เหมาะสม หากยุบสภาฯ และออกพระราชกำหนดจัดการเลือกตั้ง จะเกิดปัญหา เชื่อจะมีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
วันที่ 30 ส.ค. 65 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงอำนาจหน้าที่ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี ในการปฏิบัติหน้าที่แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่า เรื่องนี้ยังมีข้อถกเถียงอยู่ แต่ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล ยืนยันว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็ม สามารถทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้ ส่วนจะมีปัญหาหรือไม่อยู่ที่การกระทำ และข้อเท็จจริง หากเป็นอำนาจที่ก่อให้เกิดผลเสียกับประชาชนและประเทศ ฝ่ายค้านจะตรวจสอบว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นธรรมหรือไม่ เป็นประโยชน์หรือไม่ เช่น กรณีแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม หรือพิสูจน์ได้ว่าเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใดผู้หนึ่ง
ส่วนกระแสยุบสภาฯ นั้น ฝ่ายที่ตีความตามข้อกฎหมายบอกว่า อำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีทำได้ แต่ส่วนตัวมองว่ายังมีข้อถกเถียง และหากยุบสภาฯ ช่วงนี้ แม้อยากให้รัฐบาลคืนอำนาจประชาชนแต่เกรงว่าจะมีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น หากยุบสภาฯ แล้วเชื่อว่าจะไม่เกิดการเลือกตั้ง หรือหากเกิดการเลือกตั้งต้องไปออกพระราชกำหนดหรือออกประกาศ กกต. ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงกัน โดยเฉพาะการออกพระราชกำหนดการเลือกตั้ง ที่อาจจะขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการเลือกตั้งอาจจะเป็นโมฆะ ส่วนหากจะใช้ประกาศ กกต. ต้องอยู่ที่ว่าประกาศนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือไม่
ส่วนจะยื่นตีความอำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีในการยุบสภาให้เกิดความชัดเจนหรือไม่นั้น ต้องไปปรึกษากับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายก่อน ซึ่งต้องดูว่าเกิดข้อขัดแย้งในสังคมหรือไม่
ส่วนกรณีที่นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน แถลงข่าวผลการประชุมผู้นำฝ่ายค้านเมื่อวานนี้ (29 ส.ค. 65) เกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลให้ความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในประเด็นวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยนายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งไว้ 2 คน คือ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ. และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการ กรธ. ซึ่งมองว่า 2 ปาก อาจจะน้อยไป ดังนั้นฝ่ายค้านมีมติจะขอเพิ่มเติมพยาน โดยวันนี้ (30 ส.ค. 65) จะประชุมร่วมกับฝ่ายกฎหมายเพื่อเสนอบุคคลในจำนวนที่เหมาะสมแต่ขอปิดรายชื่อไว้ก่อน ซึ่งจะพยายามดูให้ครอบคลุมเพื่อถ่วงดุลกันกับรายชื่อพยานทั้งสองท่านนั้น และคาดว่าจะทันต่อการพิจารณาของศาล เพราะฝ่ายค้านเห็นแล้วว่าพลเอกประยุทธ์ ครบวาระ 8 ปีแล้ว