ผู้ปกครอง "น้องจีฮุน" เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม เหตุยังติดใจสาเหตุการตายของลูก ทั้งนี้เลขานุการ รมว.ยุติธรรม ชี้กรณีนี้เจ้าของโรงเรียนต้องรับผิดชอบ ถือเป็นความผิดของลูกจ้าง
วันที่ 1 ก.ย. 65 สืบเนื่องจากกรณี "น้องจีฮุน" เด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.2 วัย 7 ขวบ ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี เสียชีวิตในรถตู้รับส่งของโรงเรียน
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.40 น. วันนี้ที่กระทรวงยุติธรรม โดยนางสาวเมทิกา โกศลปลั่งศรี และนายไทยอนันต์ ทองอยู่ พ่อแม่ของน้องจีฮุน ผู้เสียชีวิต พร้อมนายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือทนายแก้ว ยื่นคำร้องถึงกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของน้องจีฮุน หลังมีข้อสงสัยหลายประการ โดยมีว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เป็นผู้รับเรื่องก่อนเปิดเผยว่า เบื้องต้นกระทรวงยุติธรรมได้รับคำร้องของครอบครัวผู้เสียหายไว้ โดยสถาบันนิติวิทยาศาตร์จะตรวจสอบประเด็นการเสียชีวิตว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ หรือเกิดจากการขาดอากาศหายใจเป็นระยะเวลานาน พร้อมตรวจสอบสภาพรถตู้ในที่เกิดเหตุเพื่อหาลายนิ้วมือแฝง รวมถึงจะตรวจสอบการผ่าพิสูจน์ศพ โดยตำรวจว่าถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตเห็นดีกับมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้หากครอบครัวยังมีข้อสงสัยใด กระทรวงยุติธรรมก็จะยื่นคำร้องให้ผ่าพิสูจน์ซ้ำได้ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในระยะเวลาการทำงานของโรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวอีกว่า กรณีนี้เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนต้องรับผิดชอบในการเสียชีวิต เพราะถือเป็นความผิดของลูกจ้าง ทั้งนี้เราจะจัดหาทนายความกองทุนยุติธรรมเพื่อให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาเงินไม่เกิน 110,000 บาท ประกอบกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่งเรื่องไปยังยุติธรรมจังหวัดต่อไป
ด้านนางสาวเมทิกา กล่าวว่า ได้มาขอยื่นคำร้องให้มีการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้คลายข้อสงสัย หลังโรงเรียนยังไม่แจ้งผลการตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ อีกทั้งพบว่าสภาพเสื้อผ้าและท่าทางของลูกเรียบร้อยมาก ไม่มีคราบน้ำตา น้ำลายหรือปัสสาวะ ขณะที่โรงพยาบาลตำรวจได้แจ้งผลชันสูตรว่า ลูกเสียชีวิตจากอาการฮีตสโตรก จนระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว ซึ่งเกิดจากการอยู่ในที่ร้อนเป็นเวลานานจนหมดสติไป อย่างไรก็ตาม มองว่า ไม่ว่าลูกจะอ่อนเพลียแค่ไหนก็น่าจะเปิดประตูหรือกระจกรถได้ อีกทั้งน้องยังร่าเริงแจ่มใสไม่มีโรคประจำตัว
โดยนางสาวเมทิกา ยังกล่าวอีกว่า แพทย์แจ้งสภาพศพว่ามีรอยฟกช้ำบริเวณต้นแขนซ้าย และจุดเขียวที่ขา รวมถึงรอยถลอกที่แขน ซึ่งตอนเช้าตนเองอาบน้ำให้ลูกก็ยังไม่พบ ถือเป็นรอยใหม่ จึงเป็นข้อสงสัยอีกประเด็น โดยครอบครัวยังคงจะเก็บร่างไว้ก่อน ขณะเดียวกัน ทางครอบครัวก็เพิ่งเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดจากการนำเสนอผ่านสื่อเท่านั้น
ด้านนายไทยอนันต์ กล่าวว่า โรงเรียนประสานเข้ามาที่จะชดเชยค่าเสียหายให้แล้ว แต่ครอบครัวยังไม่พร้อมพูดคุย ยืนยันว่า น้องสามารถเปิดกระจกรถและเปิดประตูได้ แต่ไม่ทราบว่าสามารถเปิดประตูและกระจกรถของโรงเรียนได้หรือไม่
ในขณะที่นายมนต์ชัย กล่าวว่า ครอบครัวเกิดข้อสงสัยในหลายประเด็น คือเด็กน่าจะดิ้นรนเอาชีวิตรอดในรถที่ร้อนระอุ เพราะเสื้อผ้าของน้องไม่หลุดรุ่ย รวมถึงยังไม่พบคราบใด ๆ บนกระจกและตามตัวรถ ทั้ง ๆ ที่เด็กยังเป็นวัยที่ซุกซน รวมถึงกล้องหน้ารถจะบันทึกเหตุการณ์ได้ แต่โรงเรียนและตำรวจยังไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนนี้มา นอกจากนี้เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนเป็นระยะเพียง 15 นาที น้องจึงไม่น่าจะหลับลึกขนาดที่คนขึ้นลงรถก็ไม่ทราบ