เพจสายไหมต้องรอดพาเหยื่อคนไทยร้องกระทรวงยุติธรรม หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกไปทำงานในลักษณะแก๊งคอลเซนเตอร์ จับซ้อม-แก้ผ้า ลั่นหากไม่ให้ความร่วมมือ ขู่จะตามมาฆ่าถึงไทย
วันที่ 1 ก.ย. 65 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดพาผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งที่ถูกหลอกไปทำงานในต่างประเทศ เข้าร้องเรียนกับว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม หลังกลุ่มมิจฉาชีพหลอกไปทำงานในลักษณะแก๊งคอลเซนเตอร์ ซ้ำยังทำร้ายร่างกายและหากไม่ให้ความร่วมมือ ข่มขู่จะตามมาฆ่าถึงไทย
โดยว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า เพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ รวม 8 คน มาร้องเรียน หลังไปพบเพจเฟซบุ๊กชักชวนไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งอ้างว่าจะมีรายได้ต่อเดือน เดือนละ 30,000 บาท โดยผู้เสียหายได้เดินทางไปยังประเทศฟิลิปปินส์ แต่กลับมีนายทุนชาวจีนเป็นเจ้าของธุรกิจและมีคนไทยเป็นผู้จัดหา อีกทั้งการทำงานกลับกลายเป็นการหาคู่ แล้วมาลงทุนในลักษณะคอลเซนเตอร์ พอผู้เสียหายพยายามหลบหนีก็ถูกชอร์ตไฟฟ้า ทำร้ายร่างกาย จับเปลื้องผ้าถ่ายรูป และเรียกค่าไถ่ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ร่วมมือกันทำงานปราบปรามการค้ามนุษย์ จะดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมมอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ให้ความคุ้มครองเหยื่อหลังถูกข่มขู่และให้การเยียวยาช่วยเหลือต่อไป
โดยนายเอกภพ เปิดคว่า ผู้เสียหายไปหางานผ่านเฟซบุ๊ก โดยค้นหาผ่านคำว่าหาเงิน แล้วพบกลุ่มหนึ่งมีสมาชิกหลักแสน ก่อนพบโพสต์อ้างว่าเป็นบริษัทบิทคอยน์ แต่พอเดินทางไปถึงกลับกลายเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์มาหลอกคนไทยกันเอง
ด้านนางสาวเอ (นามสมมติ) กล่าวว่า คนร้ายอ้างว่าเป็นการทำงานบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย มีวีซ่าให้ แต่พอไปถึงก็พบคนไทยอีก 50 คน เมื่อตนเองทราบว่าเป็นการหลอกลวงจึงปฏิเสธ ไม่ทำและจะกลับไทย กลับถูกจับขัง ใส่กุญแจมือและไถ่เงิน 100,000 บาท จากญาติตัวเอง หากไม่มีเงินจะถูกจับซ้อมจนสลบ แล้วจะถูกจับกดน้ำและใช้ไฟฟ้าชอร์ต รวมถึงยังจับแก้ผ้า แล้วถ่ายรูปข่มขู่ ทั้งยังขู่ว่าถ้ากลับมาแจ้งความที่ไทย จะตามฆ่าญาติและครอบครัว จึงมาร้องขอความช่วยเหลือกับกระทรวงยุติธรรม