"ศิษฐวัชร" น้องชายประวิตร ยืนยันไม่เกี่ยวข้องระบบอุปถัมภ์ ฝาก ส.ต.ท.หญิง เข้าตำรวจ ยอมรับเซ็นคำสั่งขอส่งตัวสิบตรีหญิงช่วยงาน กมธ. จริง แต่เป็นมติที่ประชุม กมธ. หาก กมธ.ปปช. จะเชิญไปชี้แจง ต้องเชิญไปทั้งคณะ ยันใหญ่แค่ไหน ก็ฝากใครเข้าไม่ได้

 

วันที่ 2 ก.ย. 65 พลเรือเอกศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวช่อง 8 ชี้แจงกรณีถูกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เชิญมาให้ข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับระบบอุปถัมภ์ ให้ ส.ต.ท.หญิง เข้ารับราชการหรือไม่ เพราะมีชื่อ ส.ต.ท.หญิง เข้ามานั่งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของกรรมาธิการชุดนี้ตั้งแต่สมัย สนช. นอกจากนี้ยังพบว่า พลเรือเอกศิษฐวัชร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้เซ็นหนังสือขอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอนุมัติให้สิบตรีหญิง (ผู้ที่ถูก ส.ต.ท.หญิงทำร้าย) มาช่วยราชการใน กมธ. 

โดยพลเรือเอกศิษฐวัชร กล่าวว่า หลักการการเสนอชื่อที่ปรึกษากิตติมศักดิ์หรือการเสนอใครเข้ามาทำงานในกรรมาธิการ จะเป็นการพิจารณาร่วมกันของทั้งคณะ โดยจะมีกรรมาธิการเสนอชื่อ จากนั้นหากที่ประชุมไม่มีใครคัดค้าน ตนเองก็มีอำนาจในการเซ็นแต่งตั้ง แล้วตอนที่เสนอต้องบอกว่า ส.ต.ท.หญิงคนนี้มีคุณสมบัติครบ ไม่มีใครคัดค้าน เพราะตอนนั้นปัญหาดังกล่าวยังไม่เกิดและเมื่อมีเรื่องทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น ตนเองก็เซ็นคำสั่งปลดทันที ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรในกรรมาธิการแล้ว และตำแหน่งที่ ส.ต.ท.หญิงเป็น ก็ไม่ได้รับเงินเดือน ไม่มีเบี้ยประชุม ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย

"อย่าเอาเวลาขณะนี้ไปเปรียบเทียบกับเวลาตอนปี 62 ต้องให้ความเป็นธรรมเขา เมื่อปี 62 เขาไม่มีประวัติด่างพร้อยเลย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรเมื่อปี 65 จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าผมรู้ผมไม่แต่งตั้ง ต้องให้ความเป็นธรรม"

ส่วนที่ตอนนี้ตกเป็นจำเลยของสังคม ว่า เป็นคนเซ็นแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิง ในฐานะประธาน กมธ. พลเรือเอกศิษฐวัชร กล่าวว่า ตนเองเป็นประธานกรรมาธิการฯจริง แต่เพียงลำพังตัวเองคนเดียว ไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกอย่างที่ออกไปเป็นผลจากการประชุมร่วมกันของกรรมาธิการ รวมไปถึงคำขอส่งตัวสิบตรีหญิงมาช่วยราชการด้วย และยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในระบบอุปถัมภ์ หรือการฝากใครเข้าทำงานในตำรวจหรือทหารได้ ทุกอย่างมีระบบของมัน ไม่มีใครฝากใครได้ จะให้ตนเองออกมารับผิดเพียงคนเดียวคงไม่ได้ และหาก กมธ.ปปช. จะมีการเชิญตนเองไปชี้แจง ก็ต้องเชิญไปทั้ง กมธ. แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นหนังสือเชิญ แต่หากเชิญมาก็ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมาธิการกฎหมายฯ

"ขนาดจำแค่ชื่อยังจำไม่ได้เลย เพราะมันนานมาแล้ว การเสนอก็เสนอในคณะกรรมาธิการ ถ้าเกิดมันเป็นคนของผมเอง ผมก็ต้องเอาเข้ากรรมาธิการเหมือนกัน ผมทำโดยพละการไม่ได้ มันมีระบบอยู่ครับ คนไม่เข้าใจก็พูดกันไปเรื่อย ไม่มีใครไปแต่งตั้งใครได้ ค้นไปก็ไม่เจออะไร เพราะมันมีระบบราชการอยู่ จะใหญ่ยังไงก็ไม่ได้ เชื่อผมเถอะครับ" พลเรือเอกศิษฐวัชร กล่าว