ผลชันสูตร "น้องจีฮุน" ที่ถูกลืมไว้ในรถโรงเรียนจนเสียชีวิต เบื้องต้นชี้ไปทางฮีตสโตรก เผยตับเปลี่ยนสี ไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืนหรือถูกทำร้ายร่างกาย
วันที่ 6 ก.ย. 2565 ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยผลการชันสูตรศพน้องจีฮุน วัย 7 ขวบว่า เบื้องต้นพบร่องรอยการฟกช้ำตามแขนและใบหน้า รวมทั้งหมด 9 จุด ไม่พบกระดูกหัก ไม่มีการข่มขืน ไม่มีร่องรอยการบีบคอ ที่สำคัญ พบว่าตับเปลี่ยนออกเป็นสีเหลือง ซึ่งปกติตับจะเป็นสีแดงหรือชมพู จึงคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกิดจากภาวะฮีตสโตรก
สำหรับรอยเปื้อนบนชุดนักเรียนเกิดจากการที่น้องจีฮุนลงไปนอนบนพื้นรถที่เปื้อนฝุ่น โดยแพทย์ระบุว่า ศพอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า ทำให้เลือดตก จนอาจทำให้เกิดแผลถลอกที่แก้มซ้าย ขณะที่เยื่อบุตาไม่พบเลือดออก เช่นเดียวกับสมอง เพราะหากพบก็จะคาดว่าอาจเกิดจากการกระแทกได้ พร้อมกันนี้ ได้เร่งรัดขอผลการผ่าพิสูจน์ศพ ซึ่งคาดว่าจะได้รับในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยศพจะอยู่ในความดูแลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต หากครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตก็จะนำไปฌาปนกิจต่อไป
ด้าน นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า อาการฮีตสโตรกในเด็กนั้น เกิดจากการควบคุมอุณหภูมิในสมองของเด็กที่ยังไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ จึงทำให้เด็กทนต่อความร้อนได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขณะที่ผู้ใหญ่อาจใช้เวลา 15 นาทีขึ้นไป ซึ่งภาวะฮีตสโตรก จะทำให้รู้สึกสับสน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ชัก และหมดสติ กระทั่งร่างกายล้มเหลว ซึ่งภาวะฮีตสโตรกสามารถตรวจพบเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
ดังนั้นการแก้ปัญหา จึงควรตรวจเช็กเด็กก่อนลงจากรถทุกครั้ง สำหรับบาดแผลพกช้ำตามร่างกายน้องจีฮุนตามแขนและขานั้น สันนิษฐานว่า อาการฮีตสโตรกอาจทำให้น้องจีฮุนฟาดแขนและขาไปในรถ เพราะตำแหน่งของร่างกายเข้ากันได้กับส่วนต่างๆ ภายในรถ ทั้งนี้ยังต้องนำข้อมูลการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจมาประกอบกันอีกครั้ง