"สมคิด" เปิดใจครั้งแรก หลังกลับสนามการเมือง ขออย่าคิดกลับมาเพราะหวังตำแหน่งนายกฯ รู้จักสมคิดน้อยไป ชี้คนจะเป็นนายกฯ ได้ ฟ้าต้องลิขิต แต่พร้อมเป็นผู้นำ ซัดกลับรัฐบาล บอกเคยเตือน "บิ๊กตู่" แล้วแบ่งกระทรวงเป็นบุฟเฟต์คาบิเนต ประเทศไปไม่รอดแน่ เหน็บ "บิ๊กป้อม" อายุมากเหมือนกัน แต่ไม่ใช้ใจบันดาลแรง มีแต่แรงบันดาลใจ
พรรคสร้างอนาคตไทยจัดกิจกรรม #คิดสร้างอนาคตไทย ประชุมสัมมนาผู้แสดงเจตจำนงลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในนามพรรคทั่วประเทศ โดยไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งถือว่านายสมคิด ปรากฏตัวและเปิดใจเป็นครั้งแรก ร่ายยาว 1 ชั่วโมงเต็ม
โดยนายสมคิด กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมบุตรชายคนเล็ก “น้องคลัง” หรือนาย ณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งที่พามาด้วย เพื่อให้เป็นประจักษ์พยานว่า การสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง และไม่ใช่ของง่าย วันนี้ตำแหน่งนายกฯ ไม่มีความหมายสำหรับตน แต่สิ่งสำคัญ คือ การเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลง จะได้เห็นความพยายามของพ่อ ซึ่งจะได้มากได้น้อยเป็นชะตาของบ้านเมือง
นายสมคิด ยังขอบคุณทุกคนของพรรคสร้างอนาคตไทย ที่กล้าตั้งพรรคการเมืองในสถานการณ์การเมืองเละเทะ เงินตรามีบทบาทสูง เปรียบเสมือนการแข่งในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอก มีเจ้าของ ต้องหาเงินเลี้ยงม้า แต่โจ๋งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างไม่ดี สำหรับการเมืองไทย ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเข้ามา
"เพื่อให้นิวเจน ได้สร้างการเมืองที่ดี อย่าคิดว่าการกลับมานั้น หวังแค่นายกฯ ให้คิดเสียใหม่ รู้จักคนชื่อสมคิดน้อยไป คนอย่างสมคิด ไม่ใช่มาเพราะแคนดิเดตนายกฯ แต่ต้องการช่วยสร้างขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยจะมีทิศทางที่ถูกต้อง"
นายสมคิด กล่าวต่อว่า วันนี้จำนวนเสียงไม่ได้บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชนคือหัวใจ อย่าคิดว่าเงินตราสามารถซื้อคอกม้าใหญ่ได้ แล้วจะมีพลังในการบริหารประเทศ ถ้าคิดแต่จะสร้างโครงสร้างการเมืองไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สนับสนุนคนที่มีความสามารถ สุดท้ายจะไปไม่รอดเราจะพาชาติบ้านเมืองไม่รอดด้วย
"สถานการณ์ขณะนี้หนักกว่าที่คิด และจำได้ว่า รัฐบาลหลังปี 2557 ก่อนที่จะส่ง 4 กุมารเข้าไป และคณะรัฐมนตรีเกินครึ่ง ตนได้สนับสนุนชื่อเข้าไปทำงาน จากที่ต่างประเทศไม่รับรัฐบาลทหาร ทำให้จีดีพีสูงขึ้น จน 4 กุมาร ต้องมาเจอพิษแสวงหาอำนาจ ไม่ได้แสวงหาปัญญา มีการแบ่งกระทรวงแบบบุฟเฟต์คาบิเนต ซึ่งตนได้เตือนนายกฯ แล้วว่า ประเทศจะไปไม่รอด"
นายสมคิด กล่าวถึงการเมืองในปัจจุบันด้วยว่า วันนี้เรามีนายกรัฐมนตรี แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ที่น่ากังวลคือต้องมีนายกฯ ตัวจริง เพื่อให้พาวเวอร์โฟกัสไปที่ผู้นำ ที่ต้องทุบโต๊ะบริหารจัดการงบประมาณ ถ้าใครไม่ช่วย ก็ยุบสภาไปเลย พร้อมย้ำว่า ตนไม่ได้ต้องการตำแหน่งนายกฯ เพราะคนที่เข้าไปต้องแบกรับปัญหาของประเทศ แต่อยากให้พรรคเข้าไปกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศไทย และส่วนตัวพร้อมสนับสนุนพรรคในทุกบทบาทและทุกรูปแบบ แม้อายุจะมากแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย
"คนอย่างตนไม่มีใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือประเทศไทยสร้างอนาคตให้ประเทศ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้มาจากความจริงใจ ไม่ต้องการแข่งขันหรือต่อล้อต่อเถียง คิดต่างได้แต่ต้องเคารพกัน"
นายสมคิด ยังวาง 3 เงื่อนไขที่จะเข้าร่วมพรรคสร้างอนาคตไทย คือ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดวาระหรือการตัดสินใจทั้งในและนอกสภา รวมถึงเข้าไปกอบกู้ประเทศทั้งระยะสั้นและยาว และสภาฯ ต้องรื้อกฎหมายเก่าๆ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนการเมืองต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เปลี่ยนแต่กติกาการเลือกตั้ง แต่คือการเปลี่ยนแปลงให้เกิดการรีฟอร์มครั้งใหญ่
นายสมคิด ประกาศทิ้งท้ายด้วยว่า วันนี้ตนไม่ได้เตรียมตัวมาพูด แต่พูดจากใจ อย่าพูดไปเรื่อยว่าสมคิดต้องเป็นนายกฯ เพราะการเป็นนายกฯ อยู่ที่ฟ้าลิขิต แต่ผมพร้อมจะเป็นผู้นำให้พวกคุณ ก่อนที่คนในงานตะโกนเชียร์ว่า "สมคิด สมคิด สมคิด" พร้อมดันให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ
สำหรับบรรยากาศภายในงานเป็นอย่างคึกคัก ว่าที่ผู้สมัคร สส. เข้าร่วมจำนวนมาก มีการจัดโพเดียมปราศัยไว้กลางห้อง รายล้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครจากทุกภาค พร้อมป้ายเชียร์ เช่น “มือเศรษฐกิจขั้นเทพ” “เลือกสมคิด ชีวิตมีอนาคต” “จอมยุทธ์กวง”
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวนายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมบุตรชาย นายปรพล อดิเรกสาร อดีต สส.สระบุรี และนายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชายนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต สส.นครราชสีมา และอดีตแกนนำกลุ่มสามมิตรด้วย หลังได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.โดยทั้งหมดยื่นใบสมัครสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทยวันนี้