หนุ่มถูกเพื่อนร่วมงานหญิงถ่ายภาพขณะนอนหลับในเวลางาน จนถูกไล่ออก ยืนยันขณะนั้นวูบเป็นลม เข้าปรึกษาตำรวจเอาผิดคู่กรณีทำอนาคตพัง
วันที่ 12 ก.ย. 2565 นายศริธนเลิศ ผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมบัติ มีล้อม สารวัตรสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อลงบันทึกประจำวัน และเตรียมเข้าพบทนายความเพื่อฟ้องร้องเพื่อนร่วมงานหญิงซึ่งเป็นคู่กรณี ที่แอบถ่ายภาพขณะที่ตนเองเป็นลมหมดสติขณะปฏิบัติหน้าที่ขายที่นอนภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วนำไปร้องเรียนว่าแอบหลับ จนเป็นเหตุให้บริษัทไล่ออก และไม่สามารถไปสมัครงานเนื่องจากมีประวัติถูกไล่ออก
นายศริธนเลิศ ยอมรับว่า ตนเองทำผิดระเบียบบริษัท พร้อมกับชี้แจงกับคนที่แอบถ่าย ว่าตนเองเป็นโรคนอนไม่หลับ อีกทั้งในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ (21 ส.ค.) ตนไม่ได้กินข้าว ประกอบกับทำงานหนักต่อเนื่อง จนกระทั่ง 11.00 น. มีอาการวูบ จึงบอกกับเพื่อนพนักงานว่าขอตัวนั่งพักบริเวณช่องว่างระหว่างเตียงนอน แต่แล้วก็หมดสติไป จนกระทั่งมีหัวหน้ามาสะกิดถามว่าเป็นอะไร ตนจึงเล่าเรื่องราวให้ฟัง หัวหน้าจึงแจ้งว่าขอออกใบเตือนเนื่องทำผิดระเบียบบริษัท ซึ่งเป็นใบเตือนครั้งแรกของตนเองตั้งแต่เข้าทำงาน จากนั้นช่วงกลางคืนของวันดังกล่าว ได้มีหัวหน้างานอีกคนโทรมาแจ้งว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้วเพราะถูกร้องเรียนจากลูกค้าจึงถูกไล่ออก ตนรู้สึกตกใจและได้ชี้แจงว่าเป็นการผิดระเบียบครั้งแรก ซึ่งตามระเบียบบริษัทต้องรับใบเตือน 3 ครั้งจึงจะถูกลงโทษ จึงมองว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และเชื่อว่าคนที่ร้องเรียนเป็นพนักงานด้วยกัน ไม่ใช่ลูกค้าตามที่กล่าวอ้าง หลังเกิดเหตุตนได้ไปพูดคุยกับคนที่ถ่ายภาพ และอธิบายเรื่องราวให้ฟัง แต่คู่กรณีกลับอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องมารับรู้ว่าใครเป็นลม ซึ่งตนมองว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ตนเดือดร้อน ถูกไล่ออก ไปสมัครงานใหม่ก็ถูกปฏิเสธเนื่องจากมีประวัติ ทำให้ครอบครัวประสบปัญหาขาดรายได้ จึงมีความประสงค์ที่จะฟ้องร้องคู่กรณี
นายศริธนเลิศ ยังได้นำหลักฐานเป็นบัตรประจำตัวคนไข้โรคนอนไม่หลับของคลินิกแห่งหนึ่งย่านบางบอน มาแสดงเป็นหลักฐานด้วย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับ น.ส.บุษ (นามสมมติ) คนถ่ายภาพ เปิดเผยว่า ได้ถ่ายภาพจริงแต่เป็นการส่งต่อให้กับหัวหน้างานเพื่อพิจารณาระเบียบในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้เป็นผู้ร้องเรียนจนทำให้ถูกไล่ออก ส่วนเรื่องการร้องเรียนพบว่ามีลูกค้าเห็นเหตุการณ์ จึงมีการถ่ายภาพแล้วส่งร้องเรียนไปยังสำนักงานใหญ่ ส่วนเรื่องที่อ้างว่ากลุ่มพนักงานเป็นผู้ร้องเรียนนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานใหญ่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความเอาผิดกับอดีตพนักงานดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทไม่ได้มีการไล่ออกแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าตัวมาลาออกเอง ส่วนเหตุผลที่ไปให้ข่าวก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้าง โดยไม่มีหลักฐานประกอบ ส่วนตนเองไม่มีอะไรจะชี้แจงหรือพูดคุยกับคู่กรณี
พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผู้กำกับการ สน.บางขุนเทียน กล่าวว่า เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวัน พร้อมแนะนำให้นำหลักฐานไปหารือกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน แต่หากยังไม่สบายใจให้กลับมาปรึกษากับทนายความว่ามีแนวทางให้ดำเนินคดีมากน้อยเพียงใด หากมีความประสงค์หรือเข้าข่ายความผิดอาญาก็สามารถกลับมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ แต่หากเข้าข่ายความผิดทางแพ่ง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเองผ่านไปยังศาลได้