สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงความคืบหน้า กรณีมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ในพื้นที่ สน.ดุสิต
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนชี้แจงถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ในพื้นที่ สน.ดุสิต
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันนี้ (14ก.ย.65) เวลาประมาณ 09.30 น. พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นภายในวิทยาลัยการทัพบก กรมยุทธศึกษาทหารบก จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าทำการระงับเหตุ โดยต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์และควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้และจะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย
จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลในพื้นที่เพื่อทำการรักษา หลังจากนี้พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง สอบปากคำพยาน รวมถึงได้ร่วมกับแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตายประกอบสำนวนการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ดำเนินการตามหลักยุทธวิธีคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นสำคัญ รวมถึงให้รวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนอย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว โดยอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนกฎหมาย ขอให้ประชาชนในพื้นที่อย่าตื่นตระหนก อีกทั้งเพื่อป้องกันให้สังคมเกิดความสับสนและเสียรูปคดี จึงขอความร่วมมือติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น
พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตกรณีจ่าคลั่งที่กรมยุทธศึกษาทหารบกสองคน ส่วนอีกหนึ่งคนอยู่ระหว่างการช่วยเหลือจากทีมแพทย์โดยสรุปว่า สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยหลังจากมีการควบคุมตัวจ่าสิบเอกยงยุทธนำตัวไปสอบสวน ซึ่งยังให้การวกวนพูดจายังไม่รู้เรื่อง ต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะสอบคำให้การมูลเหตุจูงใจ ว่ามาจากปัญหาสุขภาพจิตหรือความขัดแย้งในที่ทำงาน ซึ่งตอนนี้เป็นขั้นตอนของตำรวจ แม้ว่าจุดเกิดเหตุจะเกิดในพื้นที่ทหารก็ตาม เพราะกรณีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอาญา ตามขั้นตอนอาจจะต้องมีนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมขั้นตอนการสอบสวน จึงไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมีความคล้ายคลึงกับที่เหตุกราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา
โดยยืนยันว่า ในพื้นที่กรมยุทธศึกษาทหารบก และบริเวณโดยรอบถนนเทอดดำรินั้นปลอดภัย และเตรียมที่จะเปิดการจราจรโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง เข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร โดยไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่กรมยุทธศึกษาทหารบก