"ทิพานัน" ชี้รัฐบาล "พลเอกประยุทธ์" ยกระดับ "บัตรทองพรีเมียม" ลดเหลื่อมล้ำ สะดวก รวดเร็วมีคุณภาพ เพิ่มสิทธิ์รักษาโรคร้ายฟรี ย้ายสิทธิ์ก็ง่าย เพิ่มบริการครอบคลุมทุกกลุ่ม เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน "ระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ"
วันที่ 15 ก.ย. 65 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชนและการเข้าถึงบริการภาครัฐของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขพัฒนา "บัตรทอง" หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้เป็น "บัตรทองพรีเมียม" เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพและบริการ โดยผู้ถือบัตรทองสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิทั่วประเทศ สามารถนอนโรงพยาบาลได้โดยไม่ต้องมีใบส่งตัว ทั้งนี้นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิ์ทุกที่และผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการอย่างปลอดภัยโดยไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง หรือพ้นภาวะวิกฤต เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิ์การรักษามีผลทันทีโดยไม่ต้องรอ 15 วัน ผ่านแอปพลิเคชันของ สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด สะดวกสบาย ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางไปรักษา
โดยนางสาวทิพานัน กล่าวว่า นอกจากนี้ ผู้ถือบัตรทองยังสามารถรับการบริการสาธารณสุขระบบทางไกล (Telehealth/Telemedicine) และการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกโรงพยาบาล สามารถรับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้บ้านสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด จิตเวช และโรคเรื้อรังอื่น ๆ บริการส่งยาเวชภัณฑ์ถึงบ้านทางไปรษณีย์
"จะเห็นได้ว่ารัฐบาลดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสิทธิ์ต่าง ๆ ให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางสุขภาพ พร้อมมุ่งมั่นยกระดับระบบสาธารณสุขไทยให้ครอบคลุม มีคุณภาพ ทันใจ ทันเวลา ให้พี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้นต่อไป สมกับที่ได้รับการจัดอันดับคุณภาพระบบสุขภาพ ปี 2564 โดย CEOWORLD ให้ได้อันดับ 13 ของโลก เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับ 4 ของทวีปเอเชีย โดยได้คะแนนอันดับ 1 ของโลก ด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบสุขภาพ และด้านความพร้อมด้านยาที่มีคุณภาพ ได้คะแนนอันดับ 2 ของโลก ด้านค่าใช้จ่ายต่อคน และได้อันดับ 10 ของโลก ด้านบุคลากรทางการแพทย์และด้านความพร้อมของรัฐ" นางสาวทิพานัน กล่าว