แค่ลูกตะกร้อกระเด็นถูกล้อรถจักรยานยนต์ หนุ่ม ม.6 กระทืบ ม.1 จนสลบ ยังโพสต์ไม่สำนึกโพสต์บอก "มันน้อยไป" แม่คนเจ็บยันเอาเรื่องถึงที่สุด
วันที่ 18 ก.ย. 2565 จากกรณี นางลัดดา อายุ 38 ปี แม่ของ ด.ช.ต๋อง (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนมัธยมชื่อดังของอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วายุพงษ์ ปาประโม รองสารวัตรสอบสวน สภ.ศรีสงคราม เพื่อดำเนินคดีกับนายเก่ง อายุ 19 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเดียวกัน ทำร้ายร่างกายลูกชายจนมีแผลบาดเจ็บตรงมุมปากด้านซ้าย แพทย์ รพ.ศรีสงคราม เย็บบาดแผลถึง 5 เข็ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา เวลา 11.30 น. บริเวณสนามกีฬาของโรงเรียน โดยยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักของนางลัดดา พบน้องต๋องนั่งอยู่ในบ้าน โดยมีพ่อแม่และพี่สาวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในวันและเวลาดังกล่าวได้เล่นตะกร้อกับเพื่อนร่วมห้องรวม 4 คน โดยมีจังหวะหนึ่งเพื่อนส่งลูกตะกร้อให้และตนก็รับลูกได้แต่พลาดออกนอกเส้น ตะกร้อกระเด็นไปถูกล้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นของนายเก่ง ซึ่งนายเก่งก็ยืนอยู่บริเวณนั้นพอดี เมื่อเห็นลูกตะกร้อมาถูกรถก็เกิดความไม่พอใจ ตรงดิ่งไปหาน้องต๋อง และโวยวายด้วยอารมณ์โกรธว่า “มึงมาเฮ็ดรถกูทำไม” พร้อมใช้หมัดต่อยเข้าที่มุมปากด้านซ้ายอย่างจัง จนน้องต๋องทรุดลงกับพื้น แต่ได้ลุกขึ้นมายกมือไหว้ขอโทษ แต่นายเก่งใช้เท้าเตะน้องต๋องจนล้มลงอีกครั้ง และเตะซ้ำสองครั้ง จนน้องต๋องสลบคาที่ ซึ่งบริเวณนั้นมีครูอยู่ใกล้ๆ จึงตะโกนบอกนายเก่งว่าพอแล้ว ระหว่างนั้นมีนักเรียนหญิงชั้น ม.ปลาย เข้ามาช่วยพยุงน้องต๋องไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน และส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีสงคราม เพราะมีบาดแผลฉีกขาดที่แก้มเลือดไหล ส่วนนายเก่งผู้ก่อเหตุได้เดินออกไป
นายเก่งยังไม่สำนึก โดยได้ลงโพสต์เฟซบุ๊กว่า “มาเฮ็ดรถไผบ่เฮ็ด มาเฮ็ดรถกูๆไว้อยู่ซื่อๆ มาโยนตะกร้อใส่ กินตีนกูส่ำนี้มันน้อยไป” ต่อมา พี่สาวของคนเจ็บอ่านพบ จึงลงภาพน้องชายที่มีบาดแผล พร้อมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ภายหลังนายเก่งจึงได้ลบโพสต์ดังกล่าว
ส่วนนางลัดดา มารดาของน้องต๋อง เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุทราบว่า นายเก่ง มีบ้านอยู่ที่บ้านโพนงาม ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จึงตามไปถึงบ้าน พร้อมถามว่าทำไมถึงทำกับลูกชายตนถึงขนาดนี้ นายเก่งอ้างเกิดอารมณ์ชั่ววูบ และไม่เอ่ยปากขอโทษ ตนเห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่มีสำนึกที่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ เพราะลูกชายตัวเล็ก หนักเพียง 20 กว่ากิโลกรัม จึงเรียกร้องเป็นเงิน 50,000 บาท โดยทางโรงเรียนจะเชิญทั้งสองฝ่ายเจรจากันในวันจันทร์นี้ และวันอังคารจึงจะไปพบพนักงานสอบสวนต่อไป