เมียเก่าขี่รถจักรยานยนต์ไปดูสามี พบอยู่ที่บ้านเมียใหม่ เรียกให้ออกมาคุยกันก็ไม่ยอมออก จนเมียเก่าและเมียใหม่ทะเลาะกัน เมียใหม่คว้าท่อนไม้ทุบตี เมียเก่าจึงใช้มีดปอกผลไม้ที่พกมาแทงสวนจนล้มลงเสียชีวิต
วันที่ 24 ก.ย. 2565 เกิดเหตุทะเลาะวิวาทและมีการชักมีดปอกผลไม้แทงกันจนบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในพื้นที่หมู่ 1 ต.บุ่งแก้ว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี โดยนางจันทร์เพ็ญ อายุ 61 ปี ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านของนางวิไล อายุ 53 ปี ขณะที่นางวิไล อยู่ภายในบ้านกับสามีคือ นายทองใบ อายุ 63 ปี โดยนางวิไล กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวหลังบ้าน
นางจันทร์เพ็ญ ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกของนายทองใบ ได้เรียกให้นายทองใบที่นอนอยู่ในบ้านออกมาพูดคุยกัน แต่นายทองใบไม่ออกมา และในจังหวะที่นางจันทร์เพ็ญ ใช้มือทุบที่รถกระบะของนายทองใบเพื่อเรียกสามีให้ออกมา นางวิไลได้ตะโกนด่าทอออกมาจากหลังบ้าน จนเกิดการโต้เถียงท้าทายกันออกมาทะเลาะที่หน้าบ้าน
นางวิไล ได้ถือท่อนไม้ออกมา ทั้งคู่จึงต่อสู้ยื้อยุดกันชุลมุนอยู่สักพัก จังหวะสุดท้ายนางจันทร์เพ็ญ ตัดสินใจชักมีดปอกผลไม้ที่พกติดตัวมาแทงสวนไป 1 ครั้ง แล้ววิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์กลับบ้านตัวเองที่อยู่ห่างไปประมาณ 2 กม. ระหว่างทางได้ทิ้งมีดที่ก่อเหตุไว้ที่ตู้น้ำมันหยอดเหรียญกลางหมู่บ้าน ส่วนนางวิไล ตะโกนบอกลูกชายให้มาช่วย และนายทองใบ ได้เร่งนำตัวส่ง รพ.โนนสะอาด
ด้านนางจันทร์เพ็ญ บอกลูกสาวและญาติให้พามาแจ้งความว่า ถูกนางวิไลทำร้ายร่างกาย และไปตรวจร่างกายที่ รพ.โนนสะอาด ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกท่อนไม้ตีศีรษะ ใบหน้า และแขนทั้งสองข้าง ขณะที่ต่อมานางวิไลได้เสียชีวิตแล้ว หลังส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.อุดรธานี เบื้องต้นพบบาดแผลถูกแทงเข้าที่ใต้ราวนมซ้าย 1 แผล นางจันทร์เพ็ญทราบข่าวจึงได้เข้ามอบตัวที่ สภ.โนนสะอาด
พนักงานสอบสวนและตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เก็บหลักฐาน ตรวจยึดมีดปอกผลไม้ ความยาว 22 ซม. ไม้ยูคาลิปตัส ยาว 90 ซม. และยาว 40 ซม. คาดว่าเป็นไม้ท่อนเดียวกัน
นางจันทร์เพ็ญ ภรรยาหลวง เล่าว่า แต่งงานอยู่กินกับนายทองใบนานกว่า 40 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ชาย 1 หญิง 2 ตนเองมีอาชีพทำนา ส่วนสามีทำงานก่อสร้าง เมื่อ 9 ปีที่แล้ว สามีเริ่มปันใจไปคบหากับนางวิไลอย่างเปิดเผย ซึ่งทั้งสองทำงานก่อสร้างด้วยกัน ช่วงแรกสามีก็ยังกลับมาที่บ้าน ระยะหลังก็หายไป มารู้อีกครั้งก็พบว่ามาอาศัยอยู่กับนางวิไลอย่างไม่เกรงใจตน พอกลับบ้านมาก็ดื่มเหล้าจนเมา หาเรื่องทะเลาะด่าทอตนด้วยคำหยาบคาย แต่ไม่เคยลงมือทำร้าย จนตนเองปลงไปแล้ว ย้ายไปอยู่ที่กระท่อมนาคนเดียว ทำนา เลี้ยงสัตว์ หาเลี้ยงชีพคนเดียว แต่ไม่ได้หย่าร้างกับนายทองใบ
"ก่อนหน้านี้สามีหายจากบ้านไปนานกว่า 1 ปี บอกเพียงว่าจะไปทำงานก่อสร้างในเมืองอุดรธานี และจะกลับมาเมื่อวานนี้ตามที่สามีเคยบอกไว้ ตนโทรไปหาก็บอกว่ายังไม่กลับ แต่คนงานอื่นๆ ในหมู่บ้านที่ไปด้วยกันได้กลับมาแล้ว ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปดูที่บ้านนางวิไล ก็เห็นรถกระบะของสามีจอดอยู่ข้างบ้าน จึงเดินเข้าไปเรียกสามี แต่ก็มาทะเลาะกับนางวิไล จนนางวิไลคว้าท่อนไม้มาทุบตีตน ตนสู้ไม่ได้ จึงล้วงเอามีดปอกผลไม้ที่พกไว้ในกระเป๋าถือออกมาแทงสวนไป 1 ครั้ง จนนางวิไลทิ้งไม้และล้มลง ตนจึงรีบขี่รถจักรยายนต์กลับบ้านทันที โดยไม่รู้ว่านางวิไลจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อรู้ว่าเขาตายแล้ว ก็รู้สึกเฉยๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องกฎหมายและชะตากรรม ”
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานางจันทร์เพ็ญในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แต่ยังไม่มีการควบคุมตัวเนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยจะนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 26 กันยายนนี้