ภิกษุณีสุทัสสนา ชี้เเจงหลังเกิดดรามาขายสบู่น้ำมนต์ ยืนยันไลฟ์ขายที่ศรีลังกาซึ่งปรึกษากับพระผู้ใหญ่ที่นั่นแล้วว่าทำได้ เพื่อระดมทุนถวายวัด พร้อมขอโทษคณะสงฆ์ไทยที่ทำให้เสื่อมเสีย
ภิกษุณีสุทัสสนา หรือ หมอปลาย พรายกระซิบ แถลงข่าวชี้แจงกรณีดรามาขายสบู่น้ำมนต์ โดยบอกว่าการไลฟ์เกิดขึ้นที่ศรีลังกา ยอมรับว่าไลฟ์ขายของจริง เหตุผลคือก่อนจะบวชเป็นเเม่ชีมาก่อน เเต่พอไปถึงก็เจอปัญหาที่เกิดขึ้น คือ วัดที่นั้นขาดเเคลนของต่างๆ เเละพระผู้ใหญ่ในศรีลังกาก็อนุญาตให้ทำได้ เเละภิกษุณีที่นั่นไม่เหมือนในไทย สามารถทำได้หมด ประชาชนสามารถมาขอความช่วยเหลือได้ เลยปรึกษากับท่านว่าที่ไทยมีการหาทุนได้เเบบนี้ เพื่อให้โยมมาช่วยอุปการะ ท่านก็เลยบอกลองทำดูเพื่อให้ผ่านวิกฤต พร้อมขอโทษคณะสงฆ์ไทยที่อาจทำให้เสื่อมเสีย
"ไปอยู่ที่นั้นเเล้วไลฟ์ขายสบู่จริง เเต่จะย้ำตลอดว่าไม่ชอบขอ เเต่เราจะหาเงินสร้างทุกอย่างเอง พอไปถึงที่โน้นลืมตัวว่าห้ามขอ เเต่ก็ได้มีการขออนุญาตว่าเราขอทำสิ่งนี้ เราก็จะบอกตลอดเวลากลับมาเมืองไทยได้อะไรบ้าง เเละจะบอกว่าทำตามกำลังศรัทธานะ เเต่คนที่อยู่ไทยอาจจะไม่เข้าใจ เลยเกิดเป็นดรามา
เเละขอโทษคณะสงฆ์ที่ไทย ที่ไม่ได้ปรึกษาก่อน ที่อาจให้คณะสงฆ์เสื่อมเสีย เเต่เราไลฟ์ขายกับลูกเพจทั่วไทย เพราะพอเราเริ่มสอนภาษาที่นั่น หลายๆ ที่ก็เริ่มมาขอ เพราะรู้ว่าเราสามารถหาเงินช่วยได้ เเต่ด้วยสัจจะที่ให้ไว้ว่าจะทำทาน ก็เลยต้องหาทุกวิธีเพื่อหารายได้ ไม่ได้นับว่ากี่ครั้ง เเต่ตั้งเเต่เป็นเเม่ชีไปก็เป็นหลักล้าน ซึ่งสบู่นี้มีมานานเเล้ว ราคาที่ขายเเค่หลักร้อย เเต่ข่าวไปเขียนสรรพคุณเวอร์ไป มันเป็นเเปลงสาส์นมากไป เเต่ที่เราบอกว่าเเก้เรื่องดวงตก คือหมายถึงว่าเวลาสมัยก่อนคนมีอาบน้ำมนต์มีจำนวนมาก เเละมันไม่สะดวก ก็เลยหาวิธีทำให้ใหม่ให้ง่ายขึ้น หลายคนบอกไม่เหมาะสมหรือเปล่า จะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรมาก เเบบถามมาก็ตอบไป
ส่วนกรณีที่ถูก นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นร้องเรียน ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยรู้จักชื่อ “ศรีสุวรรณ” มาบ้าง เเต่ก็ขอบคุณที่ทำให้มีโอกาสชี้เเจง เพราะรู้สึกเเย่ในสิ่งที่ทำ ยอดการขายตอนนี้เเย่มาก เพราะสภาพตอนนี้พูดอะไรไม่ได้มาก ตอนไม่บวชใช้ชีวิตดีมีความสุข เเต่กำหนดคือบวช 1 ปี เเละไปศรีลังกาเเต่ละรอบก็นำเงินไปถวายให้หลักแสน โดยเเบ่งเป็น 2 ส่วน คือ นำไปถวายที่วัดเพื่อบำรุง สร้างสิ่งที่ขาดเเคลน เเละอีกส่วนก็แล้วแต่พระภิกษุที่นั่น
ถามว่าจะสึกเลยไหม มันก็คงจะดีจะได้ไม่ต้องมาเจอดรามาขนาดนี้ เเละไม่ได้ลืมว่าเราเป็นคนไทย เเต่เราไปใช้ชีวิตที่นั่นคืออยากให้ อยากสร้าง เพราะที่นั้นความปลอดภัยมันน้อยมาก มันเกิดเหตุการณ์หลายอย่างเลย อยากมีการปรับเปลี่ยนที่ดีกว่าตอนนี้
ทางด้านสำนักพุทธยังไม่มีติดต่อมา เเละฝากถึงโยมศรี เวลาจะมีปัญหาอะไรกับใครควรพูดคุยกันก่อน อย่าออกมาพูดโดยไม่หาข้อมูล เขาอาจจะหิวเเสงมากกว่า คิดว่านะ เเละการที่ว่าพระจับเงินได้ไหม คือจะบอกว่าเวลาคนเอามาถวายมันเลยต้องจับ เพราะมันคืออีกปัจจัยหนึ่ง ที่สำคัญกว่าปัจจัย4 มันเลยเป็นเรื่องสำคัญ เเม้ว่าจะผิดพระวินัยข้อต่างๆ เเต่ยุคสมัยมันเเตกต่างกันไปเเล้ว
ทางด้าน พระพยอม ที่ท่านบอกว่าทำให้ภิกษุในไทยเสื่อมเสีย เลยจะบอกว่าที่ไทยมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีกว่า ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำลงไป เเต่ชีวิตที่โน่นมันต่างกัน เลยเป็นข้อหนึ่งที่อยากให้เข้าใจว่า เราบวชมาจากพระอุปัชฌาย์รูปเดียวกัน เเละทางเจ้าอาวาสก็คงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไทย เเต่จะขอให้ทุกรูปใช้ชีวิตเเบบมีความสุข
หลังจากนี้ ใครที่เคยร่วมบุญก็ขอเป็นการรีวิว จะได้เอาไปใช้เเทนการที่เราต้องพูดเยอะขึ้น เพราะการเดินทางไปกลับเเต่ละครั้งมันใช้เงินเยอะมาก เเละเป็นการประหยัดค่าขนส่งเเต่ละครั้งด้วย เเล้วทำไมเราไม่ซื้อที่โน่น คือที่นั่นเเย่งกันซื้อไปหมดเเล้ว เเละเครื่องอำนวยสะดวกมันไม่เหมือนกัน เเละของที่โน่นเเพงกว่าที่ไทยเยอะมาก
จำนวนเงินที่ได้ทั้งหมดจะไม่หักต้นทุน เงินที่ขนไปทั้งหมด จะหักภาษีเรียบร้อย เเต่ไม่มีใบอนุโมทนาเเบบวัดไทย ตรงนี้เลยกังวลนิดนึง เเละฝากว่า ตามข่าวที่โพสต์ไปราคา 199 บาท มันผิด ราคาจริง 129 บาท และทุกอย่างทำจากสิ่งมงคลไม่ใช่สิ่งสกปรก เเละปลุกเสกตั้งเเต่เป็นฆราวาสไม่ใช่ตอนเป็นภิกษุณีเเล้ว"