ผู้ปกครองเข้าร้องเรียนกับโรงเรียนประถมชื่อดังในเมืองนครนายก ลูกชาย ป.5 ถูกครูใช้ไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ไม้เรียวตีก้นจนช้ำ ด้านเด็กนักเรียนยอมรับผิดทำงานส่งครูไม่ทัน และเข้าใจครูได้มาขอโทษแล้ว และตัวเองมีส่วนผิด ไม่อยากให้พ่อแจ้งความ

 

วันที่ 3 ต.ค. 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ลงภาพและข้อความเรื่องราวที่ลูกชายของตนเอง ถูกคุณครูของโรงเรียนประถมชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครนายก ใช้ไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ไม้เรียวหวดก้นเต็มแรงจำนวน 3 ครั้ง จนเป็นรอยเขียวช้ำ โดยหลังจากโพสต์ก็มีผู้คนต่างเข้ามาคอมเมนต์และแชร์ข้อมูลออกไป โดยบอกว่าครูทำแรงเกินกว่าเหตุ หมดยุคที่ใช้ไม้เรียวตี นร.แล้ว และมีผู้ปกครองหลายคนก็บอกว่า ลูกหรือหลานของตนเองก็เคยถูกครูคนดังกล่าวตีเช่นกัน โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา

ด้านน้องอาชิ อายุ 10 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 หลังจากถูกคุณครูคนดังกล่าวตีแล้ว กลับมาบ้านก็ได้เล่าให้ผู้ปกครองฟังว่า ตนเองได้ถูกครูตีจนเป็นรอยช้ำดังกล่าว ล่าสุด เมื่อเช้าวันนี้ ทางผู้ปกครองได้เข้าพบผู้บริหารของโรงเรียน รวมถึงครูประจำชั้น เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และสาเหตุว่าทำไมคุณครูที่สอนวิชาสังคมคนดังกล่าว ถึงได้ใช้ไม้ขนาดใหญ่ตีเด็กนักเรียนหลายคนจนเป็นรอยเขียวช้ำดังกล่าว

เบื้องต้นครูคนที่ตีเด็กไม่ได้มาเข้าพบผู้ปกครอง มีเพียงรองผู้อำนวยการและครูประจำชั้นเท่านั้น ซึ่งทางรองผู้อำนวยการและครูประจำชั้นเพิ่งทราบเรื่องจากผู้ปกครอง และได้มีการสอบถามไปยังครูผู้สอน ก็ได้ยอมรับว่าตนเองตีเด็กนักเรียนจริง ส่วนสาเหตุนั้น คือเด็กนักเรียนทำงานส่งในเวลาเรียนไม่ทัน จำนวน 3 งาน จึงตีไป 3 ครั้ง ซึ่งทางโรงเรียนได้รับปากที่จะดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด และจะการทำทัฑณ์บนครูคนดังกล่าว โดยทางผู้ปกครองได้บอกว่า เป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของเด็กนักเรียนมาก ซึ่งต่อมาทางผู้ปกครองจะเข้าแจ้งความเอาผิดกับครูคนดังกล่าวที่ สภ.เมืองนครนายก แต่น้องอาชิได้คุยกับผู้ปกครองว่า ไม่อยากให้ป๊าไปแจ้งความเอาผิดกับครู เพราะครูใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้ว และอีกอย่างครูก็ได้มาขอโทษตนเอง และรับปากว่าจะไม่ตีนักเรียนอีก ซึ่งน้องอาชิก็ยอมรับว่า ผิดที่ทำงานส่งครูไม่ทัน เพราะถ้าไม่ผิดครูคงไม่ตี แต่ครูตีแรงมากโดยไม่ได้ใช้ไม้เรียว และหลังตีได้บอกกับเด็กนักเรียนว่า ถ้าจะไปบอกกับผู้ปกครองให้พูดดีๆ ว่าทำไมครูถึงต้องตี โดยหลังจากนี้ ทางผู้ปกครองออยากให้ทางโรงเรียนดำเนินการทางวินัยกับครูดังกล่าว เพื่อไม่ให้ไปทำกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ อีก