จิตแพทย์เตือน อย่าเสพข่าวมากเกินไป ส่งผลเสียสุขภาพจิต แนะอาชีพที่ต้องทำงานกับความเครียดควรทำแบบประเมินสุขภาพจิตเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอนาคต
ข่าวเหตุการณ์รุนแรงจังหวัดหนองบัวลำภูสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตในระยะยาว โดยวิธีการรับมือกับเรื่องนี้ต้องทำอย่างไรกันบ้าง
วันนี้คุณภาณุพงศ์ สุรภาพ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ไปสอบถามกับ รองศาสตราจารย์นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม องค์การมหาชนและกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น เปิดเผยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ในด้านจิตวิทยาแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ ด้านครอบครัวผู้สูญเสียและด้านประชาชนที่เสพข่าวสารความรุนแรง
โดยครอบครัวผู้สูญเสีย พบว่าในช่วงเวลา 1 เดือนถึง 3 เดือนแรกถือเป็นช่วงที่เปราะบางกับสภาพจิตใจ คนรอบข้างไม่ควรถามซ้ำหรือตอกย้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ควรปรับเปลี่ยนเป็นการให้ความรัก ความอบอุ่นช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน ช่วยกันประคองจิตใจให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดไปให้ได้ แต่หากภายในระยะเวลา 6 เดือนยังอยู่ในความหวาดผวาหรือเครียด นั้นอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
ขณะที่ในส่วนของประชาชนผู้เสพข่าว จิตแพทย์แนะนำว่าควรลดการเสพข่าวนี้ลงเหลือเพียงแค่ 1-2 ข่าวต่อวันเท่านั้น การเสพข่าวนี้บ่อยๆ เป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลกระทบทางจิตใจในระยะยาว โดยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเสพข่าว มาเป็นพลังส่งต่อความช่วยเหลือชุมชนหรือผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้ เช่น การบริจาคเลือด หรือทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับครอบครัวผู้สูญเสียแทน ซึ่งจะทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นตามไปด้วย
คุณหมอสุริยเดว ยังแนะนำให้อาชีพหรือหน่วยงาน ที่ต้องทำงานอยู่ภายใต้ความเครียดและความกดดัน โดยเฉพาะตำรวจและทหาร ควรมีแบบประเมินสุขภาพจิตเป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ว่าบุคคลภายในองค์กรมีสภาวะสุขภาพจิตเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดูแล เยียวยาและนำตัวไปรักษาต่อไป ซึ่งการทำแบบนี้ จะลดความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ และอยากให้มีกฎหมายเกี่ยวกับพรบ.อาวุธปืนให้เข้มงวดมากขึ้น เพราะตอนนี้ในประเทศไทย คนสามารถหาซื้อปืนได้ง่าย และหากเป็นอาชีพที่ต้องพกอาวุธควรต้องตรวจสุขภาพจิตเป็นประจำ
นอกจากนี้อยากให้ระบบในประเทศไทยควรทำแผนที่ โดยพื้นที่เปราะบาง เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล สถานปฎิบัติธรรม หรือแหล่งชุมชนที่มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ควรมีการซักซ้อมแผนป้องกันเหตุ และต้องเป็นพื้นที่ปลอดอาวุธ