เขื่อนเจ้าพระยาวิกฤต ระบายทะลุ 3,000 ลบ.ม. วันที่ 2 ท้ายเขื่อนเพิ่ม 50 ซม.


วันที่ 9 ต.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่า น้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณน้ำฝนจากทางตอนบนประเทศ วัดได้อัตรา 3,094 ลบ.ม./วินาที โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดวัดได้ +17.74 เมตร ระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนริมตลิ่งใน 3 อำเภอเหนือเขื่อนเจ้าพระยา คือ อ.เมืองชัยนาท อ.วัดสิงห์ และ อ.มโนรมย์

โดยเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้ปรับเพิ่มอัตราการระบายไปที่ 3,058 ลบ.ม./วินาที เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน และเพื่อชะลอน้ำเหนือไว้ในลำน้ำเหนือเขื่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจากการระบายน้ำในเกณฑ์ดังกล่าว ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกระดับขึ้น 50 ซม. ใน 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมาวัดได้ +17.17 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เอ่อล้นสูงกว่าตลิ่ง 83 ซม. ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เขื่อนเจ้าพระยามีการปรับระดับการแจ้งเตือนจากธงเหลืองในสถานการณ์เฝ้าระวังขึ้นเป็นธงแดง ซึ่งเป็นสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพขึ้นมานอนริมถนนสายต่างๆ กันมากขึ้น โดยเฉพาะถนนคันคลองมหาราช ที่ปัจจุบันมีกว่า 1,500 ครัวเรือน ในขณะที่ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ หลายจุดทะลักข้ามถนนเข้าท่วมพื้นที่เกษตร ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกทุ่งแก้มลิงโดยด่วน เพราะตอนนี้ทั้งชาวบ้านเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนต่างก็ต้องทนลำบากแสนสาหัสกับสถานการณ์น้ำที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

ทั้งนี้ เขื่อนเจ้าพระยามีแผนคงการระบายน้ำไว้ในเกณฑ์ 3,000 ลบ.ม. ไปจนถึงวันที่ 13 ตุลาคม เพื่อพร่องน้ำในพื้นที่เหนือเขื่อนที่กำลังเต็มความจุลำน้ำ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่งเหนือเขื่อน แต่จะกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจะมีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นได้อีก จึงควรเตรียมรับมือ