เขื่อนเจ้าพระยาวิกฤตเข้าวันที่ 7 เดือดร้อนหนัก ยุง-ปลิง ชุกชุม หนำซ้ำห้องน้ำต้องต่อคิวยาวเหยียด จึงอยากขอห้องน้ำเพิ่ม
วันที่ 13 ต.ค. 65 สถานการณ์น้ำท่วมที่เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่า น้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย วัดได้อัตรา 3,059 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายังทรงตัว ล่าสุดวัดได้ +17.70 เมตร ระดับน้ำทะเลปานกลาง ทำให้มีระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนริมตลิ่งใน 3 อำเภอคือ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ และอำเภอมโนรมย์
โดยเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 13 ต.ค. 2565 เขื่อนเจ้าพระยาได้คง ชอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 3,175 ลูกบาตรเมตรต่อวอนาที ซึ่งเป็นอัตราการระบายที่จัดว่าเป็นเกณฑ์การระบายที่สูงสุดของปีอีกครั้ง โดยเขื่อนเจ้าพระยาได้ปักธงแดง เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์วิกฤตต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 การปรับอัตราการระบายน้ำในเกณฑ์นี้ เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน รองรับปริมาณน้ำฝนและเพื่อชะลอน้ำเหนือไว้ในลำน้ำเหนือเขื่อน ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนระดับน้ำขึ้นน้ำเริ่มทรงตัว วัดได้ +17.40 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ก็ยังคงเอ่อล้นสูงกว่าตลิ่ง 105 เซนติเมตร ทำให้มีประชาชนต้องอพยพขึ้นมาสร้างเพิงพักและกางเต็นท์นอนริมถนนกันมากขึ้น รวมแล้วกว่า 2,500 ครัวเรือน ซึ่ง อำเภอสรรพยา มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 6 ตำบลจากทั้งหมด 7 ตำบล
โดยชาวบ้าน ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา ที่อพยพขึ้นมานอนริมถนนคันคลองชลประทาน กว่าร้อยหลังคาเรือน เปิดเผยว่า อพยพขึ้นมานอนริมถนนได้กว่า 1 สัปดาห์แล้ว ซึ่งสภาพความเป็นอยู่โดยทั่วไปถือว่าลำบากกว่าตอนอยู่บ้าน ทั้งเรื่อง ยุง แมลง และปลิงที่ชุกชุม แต่เรื่องเหล่านี้ยังพอปรับตัวกันได้ เพราะเข้าใจว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่อยากขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมคือเรื่องห้องสุขา ที่ตอนนี้ต้องยอมรับว่ามีไม่เพียงพอตามความต้องการใช้งานของชาวบ้าน บางครั้งต้องต่อคิวเข้าห้องสุขากันยาวหลายคิว