สลดใจ! แม่ต้องเป็นโจร อ้างตกงาน เลยต้องขโมยเงิน 200 บาท หวังนำไปซื้อยาและข้าวให้ลูก 4 ขวบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2565 ร.ต.อ.พิทักษ์ พรหมวงษ์ซ้าย รอง สวป. สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่า มีหญิงสาวเข้าไปขโมยกระเป๋าเงินของชาวบ้าน ที่กำลังทำงานก่อสร้างห้องแถว บริเวณหน้าวัดโพธิวราราม เทศบาลนครอุดรธานี โดยผู้เสียหายได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ หลังรับแจ้งจึงกำลังออกไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายคือ น.ส.จิราภรณ์ อายุ 45 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ น.ส.ยุพาพร อายุ 25 ปี พร้อมของกลางกระเป๋าเงินสีเขียว ข้างในมีเงินสดจำนวน 200 บาท ส่วนเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม ได้หายไป
น.ส.ยุพาพร ยอมรับว่าได้เข้ามาขโมยกระเป๋าเงินไปจริง เพื่อต้องการเงินไปซื้อยาและข้าว ให้ลูกชายคนเล็กอายุ 4 ขวบ เนื่องจากไม่สบายเป็นไข้
ขณะที่ น.ส.จิราภรณ์ ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนกับสามีเดินทางมาทำงานก่อสร้างที่ตึกแถวแห่งนี้ ในขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ด้านหลัง ลูกชายมาบอกว่า เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาข้างในไซต์งาน ที่มีกระเป๋าสะพายของตนวางอยู่บนโต๊ะ หลังเดินเข้าไปดูพบว่ากระเป๋าสะพายถูกเปิดออกและวางอยู่ที่พื้น ส่วนกระเป๋าเงินได้หายไป จึงได้สอบถามชาวบ้านในละแวกนั้น ทำให้รู้ว่าคนเข้ามาขโมยกระเป๋าเงิน คือ น.ส.ยุพาพร จึงติดตามไปหา เพราะต้องการได้กระเป๋าสตางค์ และบัตรสำคัญต่างๆ คืน
"หลังจากตนไปถึงที่บ้าน น.ส.ยุพาพร ได้วิ่งหนีออกจากบ้านไป เพราะกลัวความผิด ตนก็เลยกลับมาที่ทำงาน ไม่นาน น.ส.ยุพาพร ก็ได้มาหาตนที่ทำงาน นำกระเป๋าเงินมาคืนให้ ส่วนเงินในกระเป๋า เขาบอกว่า เอาไปซื้อยากับข้าวให้ลูกหมดแล้ว ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจดังกล่าว" น.ส.จิราภรณ์ กล่าว
ด้านน.ส.ยุพาพร ผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ตนมีลูก 2 คน โดยคนโตเป็นหญิง 7 ขวบ อยู่กับพ่อตนที่ จ.หนองบัวลำภู ส่วนคนเล็กเป็นชาย อายุ 4 ขวบ ตนเอามาเลี้ยงที่อุดรฯด้วย ตอนนี้แฟนตกงาน ไม่มีเงิน ตนก็ไม่มีงานทำ ก่อนหน้านี้ตนเป็นไข้ไม่สบายอยู่ 3 วัน ทำให้ลูกชายติดไข้จากตนไปด้วย เมื่อคืนลูกไม่สบายตัวร้องไห้ทั้งคืน ตนไม่มีเงินพาไปหาหมอหรือซื้อยามาให้กิน จึงได้เดินออกมาจากบ้านสามี เพื่อหาเงินกะว่าจะไปหายืมเงินคนอื่น แต่ก็ไม่รู้จักใคร พอมาถึงที่เกิดเหตุ ตัดสินใจเข้าไปขโมยกระเป๋าเงินของผู้เสียหาย นำเงิน 200 บาท ไปซื้อยา ซื้อข้าวเหนียว ปิ้งไก่ และขนม เอาไปให้ลูกกิน ที่ทำลงไปเพราะหมดหนทางแล้ว ก่อนที่จะเอากระเป๋าเงินของผู้เสียหายมาคืน ตนได้โทรศัพท์ไปหาพ่อ ให้โอนเงินมาให้ เพื่อจะเอาเงิน 200 บาท คืนให้กับผู้เสียหาย
จากนั้นตำรวจ ได้ควบคมตัว น.ส.ยุพาพร มาที่โรงพัก เพื่อดำเนินคดี แต่สุดท้ายผู้เสียหาย ไม่ติดใจเอาความ หลังรู้เหตุผลว่าที่ผู้ก่อเหตุทำลงไป เพราะว่าลูกชาย4 ขวบไม่สบาย แต่ให้ตำรวจ ทำประวัติเอาไว้ และให้ตักเตือน ไม่ให้ไปก่อเหตุทำกับใครอีก ก่อนที่จะปล่อยไป