หนุ่มใหญ่ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เข้าขอความช่วยเหลือเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นย่านฝั่งธนนับ 10 คน พร้อมอาวุธรุมทำร้ายร่างกายถึง 2 ครั้ง จนต้องแกล้งตายจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แจ้งความแล้วคดีไม่คืบ

วันที่ 16 ต.ค. 2565 นายฉัตรชัย อังคษร อายุ 45 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เข้าร้องเรียนกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกกลุ่มวัยรุ่นนับ 10 คน พร้อมอาวุธรุมทำร้ายถึง 2 ครั้ง ย่านสำเหร่ ฝั่งธนบุรี ในช่วงเวลาห่างกันเพียงสัปดาห์เดียว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

นายฉัตรชัย ได้ชี้ร่องรอยบาดแผลให้ทีมข่าวดูพบว่า ที่ศีรษะมีรอยเย็บ 5 เข็ม และแขนซ้ายหักสองท่อน ส่วนที่ใบหน้ามีร่องรอยฟกช้ำ พร้อมกับเล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา ช่วงประมาณเที่ยงครึ่ง ขณะที่ทางตนเองกำลังนั่งอยู่ที่วินจักรยานยนต์ ก็มีรถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นชายประมาณ 2 คนเข้ามาถามทาง ระหว่างที่ตนกำลังตอบคำถาม จู่ๆ ชายทั้ง 2 รายก็เข้ามาทำร้ายร่างกายทันที หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนของชายที่มาทำร้ายก็กรูเข้ามาทำร้ายตน ซึ่งใช้เวลาแค่ประมาณ 5-6 นาทีก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะขี่รถหนีออกไป ซึ่งตอนนั้นตนเองได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ จึงตัดสินใจเข้าไปแจ้งความไว้ที่ สน.สำเหร่ ในวันที่เกิดเหตุ

ผ่านไป 1 สัปดาห์ หรือตรงกับวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ช่วงบ่าย ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาที่วิน เรียกใช้บริการไปซอยตากสิน 24 แต่พอตนใกล้ถึงจุดหมายและชายคนดังกล่าวบอกว่าลงจุดนี้ ก็กลับมีชายวัยรุ่นกลุ่มเดิมสวมหมวกกันน็อก พร้อมอาวุธเป็นไม้และของเเข็งยืนรออยู่ในจุดที่ผู้โดยสารคนดังกล่าวลง ซึ่งตอนนั้นตนเองยังไม่ได้ทันพูดอะไร เงยหน้าไปแล้วบอกว่า เฮ้ยพวกเอ็งอีกแล้วเหรอ ทางกลุ่มคู่อริกว่า 10 คนก็เข้ามาทำร้ายตนอีกครั้ง โดยครั้งนี้ตนได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า เบ้าตา แขน และศีรษะ ก่อนที่ตนสู้ไม่ไหวเลยทำทีแกล้งตาย และหมดสติไป กลุ่มชายคนก่อเหตุเลยตัดสินใจขับรถออกไป ทั้งนี้ส่วนตัวมั่นใจว่าคนที่มาติดต่อใช้บริการตนในช่วงก่อนจะเกิดเหตุครั้งที่ 2 น่าจะเป็นนกต่อ โดยได้เข้าแจ้งความเหตุการณ์ที่ 2 ไว้ที่ สน.บุคคโล ในข้อหาทำร้ายร่างกาย

ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่รู้จักกับทางกลุ่มคนก่อเหตุแม้แต่คนเดียว และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครในพื้นที่ ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมานานกว่า 40 ปี ก็ไม่เคยมีเรื่องหรือกระทบกระทั่งกับใคร ตลอดจนก่อนเกิดเหตุก็ไม่ได้มีเรื่องขับรถปาดหน้าหรือฉี่ยวชนแต่อย่างใด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่า ตนเองหวาดกลัวและระเเวงว่าหากตำรวจยังไม่สามารถจับกุมหรือตามตัวคนก่อเหตุมาได้ ตนเองและครอบครัวก็จะไม่ปลอดภัย ซึ่งทุกวันนี้ต้องขาดรายได้เพราะไม่สามารถขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างได้

ขณะที่ นายเอกภพ  เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวจากการพูดคุยนั้นเบื้องต้น ตนเองมีความสงสัยในหลายประเด็นว่า คนก่อเหตุนั้นเป็นกลุ่มคนร้ายรับจ้างหรือไม่ เพราะพฤติกรรมหากย้อนดูจากคลิปเหตุการณ์จะพบว่าเหมือนมีอยู่คนหนึ่งที่มีการบันทึกถ่ายภาพอัดคลิปวิดีโอในช่วงที่มีการรุมทำร้าย คล้ายเป็นการบันทึกภาพเพื่อส่งงานให้ใครหรือไม่ อีกทั้งสาเหตุที่แท้จริงหากอ้างตามคำกล่าวของผู้เสียหายทั้งที่ไม่รู้จักกัน แล้วทำไมถึงมาก่อเหตุ อีกทั้งผู้เสียหายได้แจ้งความติดตามเอาเรื่องผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ กลับมีการก่อเหตุซ้ำโดยที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ซึ่งวันนี้ ตนก็จะพาผู้เสียหายไปลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อย้อนกลับไปดูว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร ตลอดจนมีการประสานกับทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ติดตามคดีและตามตัวคนร้ายเพื่อให้ทางผู้เสียหายรู้สึกปลอดภัย โดยเบื้องต้นตนเองได้มีการประสานไปยัง พล.ต.ต. มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล8 ซึ่งได้มีการสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ย้อนหากล้องวงจรปิด เพื่อตามตัวคนก่อเหตุมาให้ได้เป็นการด่วน