ความคืบหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมถนนคันคลองชลประทาน หลังถูกน้ำกัดเซาะถนนขาด น้ำทะลักเข้าท้ายน้ำใน 3 อำเภอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

จากกรณีเมื่อเวลา 21.00 น. วัน ที่ 17 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา เกิดเหตุถนนคันคลองชลประทาน ใกล้ประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด หมู่ที่ 7 ตำบลรางจระเข้ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำกัดเซาะจนถนนทรุดตัว กว้างประมาณ 5 เมตร น้ำไหลบ่าเชี่ยวแรงเข้าคลองเจ้าเจ็ด-บางยี่หน สู่พื้นที่ท้ายน้ำ อำเภอเสนา อำเภอบางซ้าย อำเภอลาดบัวหลวง

ล่าสุดเช้าวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบหลายหน่วยงานได้เร่งบูรณาการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรมชลประทาน ผู้ว่าฯ ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าศูนย์บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรียุธยา เร่งซ่อมถนนคันคลองชลประทานใกล้ประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด โดยพบว่ามีขนาดกว้างขึ้น ประมาณ 8 เมตร ทำให้คนและรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้นำหินใส่ถุงเกเบี้ยนหรือลวดตาข่าย แล้วนำไปวางบริเวณจุดที่ถนนขาด เพื่อชะลอการไหลของน้ำและป้องกันการกัดเซาะถนนขาดเพิ่มขึ้นจากเดิม อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งระดมกำลังทุกภาคส่วนในการอุดรอยรั่วของน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอท้ายน้ำดังกล่าว

ส่วนบ้านชาวบ้านที่อยู่ติดริมคลองเจ้าเจ็ด ได้รับผลกระทบจากถนนคันคลองชลประทานทรุดพังทลายในครั้งนี้ ทำให้น้ำมีปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 10-15 เซนติเมตร โดยนายสุเทพ สุขสำราญ อายุ 55 ปี ชาวบ้านตำบลเจ้าเจ้าเจ็ด อำเภอเสนา เปิดเผยว่า บ้านตนเองเปิดเป็นอู่ซ่อมรถอยู่ติดกับคลองเจ้าเจ็ด ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำสุดและก็ถูกน้ำท่วม ต้องใช้ไม้หนุนทำที่นอนอยู่ก่อนหน้า แต่เมื่อคืนถนนคันคลองชลประทานถูกน้ำกัดเซาะถนนขาดทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น จึงต้องเร่งขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้ากลางดึก รถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นรถของลูกค้าที่นำมาซ่อมแซม บางคันต้องปล่อยให้จมน้ำเนื่องจากขนย้ายไม่ได้ ทุกวันนี้นอนไม่เคยเต็มอิ่ม ต้องคอยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ อีกทั้งสัตว์ที่มีพิษทุกชนิดที่มากับน้ำ เนื่องจากตนเองมีลูกเล็กก็ต้องระวังเป็นพิเศษ และในวันนี้ก็จะเร่งเสริมพื้นไม้ที่นอนให้สูงขึ้นเพราะกลัวว่าจะไม่พ้นน้ำ