คุมตัว "ฮารุ-ตรีเพชร" ผู้ต้องหาอ้างลัทธิทำร้ายพยาบาลและเด็ก พร้อมหลอกลงทุน ฝากขังยังศาลอาญาตลิ่งชัน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 18 ต.ค. 65 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบวรมงคลควบคุมตัวนายฮารุ ฮวังสิริ และนายตรีเพชรรัตน ณพชร 2 ผู้ต้องหาไปฝากขังศาลอาญาตลิ่งชัน โดยคัดค้านการประกันตัว ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
ในคดีที่ตำรวจสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าช่วยเหลือผู้เสียหายอดีตพยาบาล 3 คน พร้อมลูกอีก 2 คน ที่ถูกนายฮารุ และนายตรีเพชรรัตนหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ โดยมีการกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย ซึ่งวันนี้ได้มีผู้เสียหายที่เป็นพยาบาลสอง 2 คน ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจที่ สน.บวรมงคล ส่วนพยาบาลอีก 1 ราย ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
ขณะที่นางเจริญศรี อังศิวาพงษ์ ผู้เสียหายที่เคยถูกผู้ก่อเหตุหลอกมาก่อนหน้านี้เข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบวรมงคลเพิ่มอีกและได้เปิดเผยว่า หลังทราบว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 2 คนนี้ได้ ซึ่งผู้เสียหายเคยถูกนายฮารุชักชวนให้เช่าที่ดินแปลงหนึ่ง บริเวณถนนข้าวสาร และมีการพาไปดูที่ดินจริง จึงหลงเชื่อและโอนเงินให้หลายแสนจำนวนหลายครั้งภายในระยะเวลา 1 เดือน รวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท แต่ต่อมา ทราบว่า เป็นที่ดินที่ไม่ใช่ของนายฮารุ
จึงพยายามติดต่อผู้ต้องหา แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง อ้างเดินทางไปต่างประเทศ ไม่สามารถติดต่อได้ จึงมั่นใจว่า ถูกหลอก และเคยแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบุปฝาราม ตั้งแต่ปี 2560
ส่วนประเด็นที่ ผู้ต้องหา มีความเชื่อเกี่ยวกับลัทธิใดหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะรู้จักในฐานะที่เป็นครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้กับลูกเท่านั้น ซึ่งตลอดเวลาที่รู้จักกัน ไม่พบเห็นว่า นายฮารุ มีพฤติกรรมหรืออารมณ์รุนแรง
ส่วนการดำเนินคดีนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยมอบหมายให้ พลตำรวจตรีสมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน โดยจะทยอยเรียกตัวผู้เสียหาย เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจนครบาลบวรมงคล ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากควบคุมตัวนายฮารุ และนายตรีเพชรรัตน มาสอบปากคำที่สถานีตำรวจนครบาลบวรมงคล นายฮารุ ยังคงไม่ให้การใด ๆ เกี่ยวกับคดี ขณะที่การสอบปากคำนายตรีเพชรรัตน ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยให้การซัดทอดว่า ร่วมกับนายฮารุ ตั้งรูปแบบการหลอกลงทุนฉ้อโกงผู้เสียหาย ตระเวนพาผู้เสียหายแม่ลูกไปขอเงินและการลงโทษผู้เสียหาย ซึ่งที่ผ่านมา รับทราบพฤติการณ์ของนายฮารุมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้
จากการตรวจสอบประวัติของนายฮารุ พบว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหลายคดีในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ล่าสุดมีผู้เสียหายแจ้งความประสงค์ เข้ามาดูตัวผู้ต้องหา และแจ้งความแล้ว ประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท โดยพบว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่ จะเป็นบุคลากรทางการแพทย์จาก 3-4 โรงพยาบาล ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งการที่ผู้ต้องหาเข้าถึงกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ได้จำนวนมาก เนื่องจากมารดาของผู้ต้องหาเคยเป็นพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลต่างจังหวัดมาก่อน
ส่วนรูปแบบการหลอกลวงฉ้อโกงของนายฮารุ เป็นการใช้จิตวิทยาหมู่ กล่อมผู้เสียหายแต่ละคนให้ดูน่าเชื่อถือจนเกิดความหลงเชื่อ ส่วนเรื่องลัทธิประหลาดที่เจ้าตัวอ้างถึง ตำรวจเชื่อว่า เป็นเพียงข้ออ้างให้การชักชวนเกลี้ยกล่อมให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเท่านั้น