บุญใหญ่ครั้งสุดท้าย! คุณตาวัย 73 ป่วยมะเร็งเสียชีวิต บริจาคดวงตาช่วยผู้อื่น ให้แสงสว่างอีก 2 ชีวิต ส่วนลูกทั้ง 3 คน ร่วมบริจาคร่างกายเพื่อเดินตามเจตนารมณ์ของพ่อ

วันที่ 19 ต.ค. 2565 ที่ห้องประชุมแสงดาว โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ นพ.นิติ เหตานุรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ มอบประกาศเกียรติคุณและหรีดศูนย์บริจาคดวงตา สภากาชาดไทย แก่นายคำม่วน ลีอินทร์ อายุ 73 ปี ชาวบ้านท่าเสา ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ที่เสียชีวิตด้วยภาวะมะเร็งก้านสมอง และได้บริจาคดวงตาให้สภากาชาดไทย ช่วยผู้ป่วยพิการทางสายตาได้อีก 2 ราย โดยมีบุตรสาวของผู้เสียชีวิตเป็นตัวแทนรับมอบ

 

 

นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า คนไข้มาด้วยอาการแขนขาซีกซ้ายอ่อนแรงและแพทย์ได้ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่ก้านสมอง ไม่สามารถผ่าตัดได้ เนื่องจากคนไข้สูงอายุ จึงได้รักษาตามอาการ แต่อาการไม่ดีขึ้น ระหว่างนั้นลูก ๆ ของคนไข้ได้เข้ามาปรึกษาพยาบาลว่า หากพ่อเสียชีวิตจะสามารถบริจาคอะไรได้บ้าง ซึ่งพยาบาลได้แจ้งว่าสามารถบริจาคได้เพียงดวงตาเท่านั้น เพราะหากเป็นร่างกายนั้น คนไข้จะต้องเป็นคนแจ้งความประสงค์เองเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ กระทั่งคนไข้เสียชีวิต จึงบริจาคดวงตาทั้ง 2 ข้างและสามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยทางสายตาที่รอการรักษาได้อีกถึง 2 คน นพ.นิติ กล่าว

 

 

ด้านนางพัชธ์ศศิ ชัยคำ อายุ 43 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พ่อมีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยเลย และพ่อได้แจ้งกับตนว่าอยากจะบริจาคร่างกาย เมื่อเวลาเสียชีวิตก็จะสามารถนำร่างกายและอวัยวะไปช่วยเหลือและเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ ดีกว่าเผาทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ แต่ตนและพี่น้องเห็นว่าพ่อยังแข็งแรง คงไม่เป็นอะไรง่ายๆ จึงยังไม่พาไปทำเรื่องบริจาค

กระทั่งเมื่อประมาณกลางเดือนที่ผ่านมาพ่อมีอาการอ่อนเพลีย อวัยวะซีกซ้ายอ่อนแรง จึงพาไปพบแพทย์ และตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่ก้านสมอง หลังจากนั้นพ่อก็มีอาการทรุดลงเรื่อยๆ ทำให้ตนฉุกคิดขึ้นมาว่าพ่อเคยเอ่ยปากที่จะบริจาคร่างกายเมื่อเสียชีวิต จึงไปสอบถามกับพยาบาล ทราบว่าหากจะบริจาคร่างกาย เจ้าของร่างกายจะต้องทำเรื่องแจ้งความประสงค์เอง จึงไม่สามารถบริจาคได้

นางพัชธ์ศศิ กล่าวอีกว่า เมื่อคืนนี้พ่อได้เสียชีวิตลง จึงได้บริจาคดวงตาทั้ง 2 ข้างเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อีก 2 คน และเพื่อเป็นการทำบุญใหญ่ครั้งสุดท้ายและเป็นการทำตามความประสงค์ของพ่อ ถึงแม้จะไม่สามารถบริจาคได้ทั้งหมดก็ตาม

นางพัชธ์ศศิ กล่าวต่อว่า ตนและพี่น้องรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พาพ่อไปทำเรื่องบริจาคร่างกายและอวัยวะเมื่อครั้งพ่อมีชีวิตอยู่ ซึ่งตนและพี่น้องรวม 3 คน จึงได้แจ้งความประสงค์บริจาคร่างกายและอวัยวะเพื่อทดแทนเจตนารมณ์ของพ่อ และขอบุญกุศลที่พ่อได้บริจาคดวงตารวมทั้งบุญกุศลที่พวกตนทั้ง 3 คนได้บริจาคอวัยวะและร่างกายในอนาคต ขอให้พ่อไปสู่ภพภูมิที่ดี เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ได้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีกตลอดไป