ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 8 สั่งจำคุก ผอ.โรงเรียนอนุบาล 192 ปี 6 เดือน ทุจริตเงินค่าอาหารกลางวันเด็ก หลังมีภาพเด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ถนนมะขามชุม จังหวัดนครศรีธรรมราช ศาลได้อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 คดีหมายเลขคดีดำ อท.29/2564 เลขคดีแดง อท.42/2565 ระหว่าง พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมเชาว์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจำเลยกระผิดตาม เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น มาตรา 151 และ ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม),162(1)(4)(เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 121/1 การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) มาตรา 162(1)(4)(เดิม) กับความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
การกระทำของจำเลยในแต่ละคร้้งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 77 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 385 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)
โดยพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามฟ้องและพยานหลักฐานโจทก์ตามทางไต่สวนแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยในแต่ละกระทงความผิดแม้คิดคำนวณได้เป็นตัวเงินไม่มากนัก แต่จำเลยได้กระทำผิดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งจำเลยเป็นผู้บริหารโรงเรียนแต่กลับอาศัยอำนาจหน้าที่เบียดบังเอาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้ทำให้เด็กนักเรียนในปกครองไม่ได้รับอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ และจำนวนที่เพียงพอต่อการพัฒนาการทางร่างกายและย่อมส่งผลเสียในระยะยาว พฤติการณ์แห่งคดีจึงร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โดยคดีนี้หลังจากที่มีการพิพากษาในวันนั้น (7ก.ค.65) แล้วปรากฏว่าศาลยังปราณี ให้จำเลยได้ยื่นคำร้องประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อในชั้นอุทธรณ์ จำเลยได้วางหลักทรัพย์ไว้จำนวนหนึ่ง ศาลได้พิจารณาให้ประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีกำหนดการยื่นอุทธรณ์นับแต่วันฟังคำพิพากษาเป็นเวลา 30 วัน แต่จนถึงขณะนี้ปรากฏว่าจำเลยยังไม่ได้มีการยื่นอุทธรณ์ แต่ได้มีการยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 3 แล้ว
สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย. 2561 หลังจากที่แฟนเพจ @ชมรมstrong-จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้โพสต์คลิปเด็กนักโรงเรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี กำลังทานอาหารกลางวันที่ทางโรงเรียนจัดให้ แต่กลับปรากฏว่า ในจานมีเพียงเส้นขนมจีนเปล่าคลุกกับน้ำปลา และไม่มีอาหารอื่นใด ภายหลังจากที่มีการโพสต์คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปแล้ว นำไปสู่การตรวจสอบร่วม 1 ปีเต็ม จนพบมีมูลความจริง
โดย คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี (คศจ.) ได้มีมติไล่ออก นายสมเชาว์ ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ในส่วนด้านมูลความผิดของ นายสมเชาว์ มีทั้งสิ้น 10 ประเด็น โดยในจำนวนนั้น เป็นประเด็นวินัยร้ายแรง 5 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การทุจริตอาหารกลางวัน 2.การจัดซื้อจัดจ้างระบบไฟฟ้า 3.การขายผลผลิตปาล์มน้ำมันของโรงเรียน 4.อนุญาตให้ขายน้ำอัดลมในโรงเรียนและ 5.โครงการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในบริเวณโรงเรียน และวินัยไม่ร้ายแรง 1 เรื่อง คือโครงการก่อสร้างอาคารที่ดำเนินการเปลี่ยนวัสดุบางรายการโดยไม่ชี้แจงข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งผิดระเบียบการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนอีก 4 เรื่อง เช่น การเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ การปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักครู และซ่อมแซมระบบไฟฟ้าไม่เข้าข่ายความผิดวินัย