โหดรายวัน! โจ๋สุดเหิมคว้าปืนไทยประดิษฐ์ ตามด้วยระเบิด สาดใส่คู่อริเลือดสาด ย่านประชาอุทิศ
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2565 ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ นางสาว เกตุ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี แม่ของเด็กชายนก(นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นำหลักฐานการลงบันทึกประจำวัน เข้าพบ ร.ต.อ.ยศววรรธน์ รัตนะศรี รองสารวัตร (สอบสวน)สน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีเด็กชาย นก ถูกกลุ่มวัยรุ่น ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายและแผ่นหลัง เหตุเกิดบริเวณหน้าอู่ช่างมุ้ยภายในซอยประชาอุทิศ 33 แยก 25 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา
นางสาวเกตุ (แม่ของผู้บาดเจ็บ ) เปิดเผยว่า ตนได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเพื่อนลูกชาย ที่เป็นเจ้าของอู่รถ ว่าลูกชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และกำลังจะไปโรงพยาบาล และติดต่อโรงพัก ซึ่งช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมลูกชายมักจะไปนั่งเล่นที่อู่รถจุดเกิดเหตุกับเพื่อน หลังเกิดเหตุคิดว่าลูกชายไม่กล้าบอกกับตน วันนี้ตนพยายามถามลูกชายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกชายบอกแค่ว่าไม่ได้มีเรื่องเป็นการส่วนตัว แต่ก็ยังดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ ทั้งนี้ ตนรู้มาว่าฝั่งผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมลักษณะนี้บ่อยครั้ง หากยอมความไปคิดว่าอาจไปเกิดกับคนอื่นได้จึงจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
น้องที่โดนยิง ชื่อ น้อง นก (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี บอกว่า ตอนนั้นตนยืนอยู่ในบ้านที่เป็นอู่ซ่อมรถ แล้วเขาก็ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาแล้วก็ยิงเข้ามาเลย ตนก็ไม่รู้จัก พอตนรู้ตัวว่าโดนยิงก็บอกเพื่อน แล้วเพื่อนกับลุงเจ้าของอู่ก็พามาแจ้งความและพาไปหาหมอ โดนยิงที่แขนข้างซ้ายและหลัง ส่วนจะแจ้งความข้อหาอะไรต้องถามจากแม่เพราะตนไม่รู้เรื่องตรงนี้
ภรรยาเจ้าของอู่ซ่อมรถ ชื่อ น.ส.อรชร บัวตูม อายุ 41 ปี บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนขายวุ้นอยู่หน้าร้าน เพราะแฟนตนเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ ตนจึงขายอยู่หน้าอู่ แล้วก็จะมีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์มาประจำ บางวันก็ขี่มาปาหินบ้าง ขว้างระเบิดเข้ามาบ้าง แต่เป็นระเบิดที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง จนข้างๆ อู่เค้าถามว่า เด็กที่อู่หรอ ตนก็บอกไม่ใช่ เด็กแถวอื่น ซอย 75 แล้วเมื่อวานก็ขี่มายิงใส่เลย จังหวะที่ตนหันไปดุเด็ก เพราะเล่นกัน เลยโดนที่หลัง และแขนเด็ก ส่วนตนก็โดนที่ขา ถ้าตนไม่หันไปก็คงโดนตนเต็มๆ เพราะเด็กอยู่ข้างหลังตน คือขี่มา แล้วยิงสุ่มเข้ามาเลย แต่ก่อนหน้านี้ก็มีเพื่อนเด็กโดนแทงด้วยคนนึง พอเกิดเหตุตนก็รีบมาแจ้งความ กลับกลายเป็นว่า ตนโดนว่ากลับมา ว่า แล้วเด็กไปทำอะไร ถึงได้โดนยิง ทั้งๆ ที่เด็กก็อยู่กันในบ้าน ไม่ได้ออกไปข้างนอก ตอนตนเข้าไปในห้องสืบสวน ตำรวจนั่งกินเหล้ากัน ไล่ตนออกมา ตนจึงออกมาให้แฟนตนเข้าไปแทน ตนเป็นผู้เสียหาย กลับกลายเป็นว่ามาสอบตนประมาณว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุซะงั้น แล้วก็ไม่มาสืบหรือดำเนินคดีอะไรเลย กลับมาต่อว่า ว่าไม่ให้เด็กมาอยู่กันที่อู่อีก ถ้าเห็นมาอยู่อีกจะจับเจ้าของอู่
ด้านนายยศไกร (เจ้าของอู่รถยนต์) เปิดเผยว่า ปกติกลุ่มของผู้บาดเจ็บจะมานั่งเล่นกันที่อู่รถของตน รวมถึงมีกลุ่มวัยรุ่นอยู่ที่อู่ด้วย ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุ เป็นกลุ่มอาชีวะที่ออก ตามหาคู่อริ และจะพกอาวุธมีดติดตัวมาด้วย เมื่อเห็นว่ามีวัยรุ่นแต่งตัวคล้ายเด็กช่างก็จะ ถูกกลุ่มของผู้ก่อเหตุไล่ตีและใช้อาวุธมีดไล่ฟัน และจะสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ นำระเบิดปิงปองปาใส่ เข้าไปภายในอู่ อย่างต่ำมี 2-3 ลูก เมื่อมาถึงมักจะตะโกนท้าทาย ซึ่งภายในระเบิดที่ปาเข้ามามีทั้งเศษหินเศษแก้ว และลูกชายตนเรียนอยู่ชั้นม. 3 ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมทำให้กลุ่มเพื่อนมาอยู่ที่บ้านหลายคนส่วนใหญ่จะ อายุ 14-15ปี
นาย ยศไกร เผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปแจ้งความแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุแต่มานำตัวกลุ่มลูกชายของตนไป ลงบันทึกประจำวัน ถามชื่อที่อยู่และปล่อยตัวกลับ ซึ่งที่มา แจ้งความอีกครั้งในวันนี้เนื่องจากเริ่มรุนแรงขึ้นมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้บาดเจ็บ รู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไป นอกจากนี้แฟนของตนขายของอยู่บริเวณหน้าอู่ วันเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงสุ่มเข้ามาภายในบ้านที่มีกลุ่มของผู้บาดเจ็บอยู่ด้านใน ซึ่งสาเหตุที่ตนให้กลุ่มเพื่อนๆ ลูกมาอยู่ที่อู่เพราะอยากให้อยู่ในสายตา ส่วนใหญ่จะรวมตัวกันใช้ไวไฟที่อู่เพื่อเล่นเกม ไม่อยากให้ออกไปไหนกันเนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม ทั้งนี้ตนฝากบอกผู้ก่อเหตุว่า
" อยากให้นึกถึงหัวอกพ่อแม่เขาพ่อแม่เราหากเป็นอะไรไปก็เสียใจเหมือนกันและอยากให้เข้ามามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากมีพฤติกรรมก่อเหตุแบบนี้มาหลายครั้ง " นายยศไกร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางฝั่งผู้ก่อเหตุได้ให้แม่เข้ามาเพื่อพูดคุยที่โรงพัก แต่เจ้าตัวยังไม่เข้ามามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ และทราบต่อมาว่า ทางฝั่งแม่ผู้ก่อเหตุเดินทางไปที่ สน.ทุ่งครุ ซึ่งไม่ใช่ พื้นที่ ที่เกิดเหตุ จึงเดินทางกลับที่พัก และจะมาคุยตกลงกันวันหลัง
นอกจากนี้ยังมีคลิปจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าอู่รถยนต์จุดเกิดเหตุบันทึกภาพขณะกลุ่มผู้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์ พร้อมกับถือท่อนเหล็ก ผ่านมาบริเวณด้านหน้า ก่อนจะวนรถกลับมา พร้อมกับตะโกนท้าทายให้กลุ่มผู้บาดเจ็บออกมา ซึ่งเป็นช่วงก่อน ที่จะใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้บาดเจ็บ