คดีตัดไม้ลุงพล ยังไม่จบ อัยการมุกดาหารยื่นอุทธรณ์จากโทษรอลงอาญา ให้เป็นโทษจำคุกไม่รอลงอาญา ให้เหตุผล จำเลยไม่สำนึกผิด
วันที่ 27 ต.ค. 2565 จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ต.ค.) นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ได้ไลฟ์สด โดยมีใจความช่วงหนึ่งระบุว่า ตนเองได้รับหนังสือแจ้งจากศาล ว่าถูกอุทธรณ์เกี่ยวกับคดีป่าไม้ 1 คดี เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งนางสาวนฤมล วิเชียรแสน อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยเบื้องต้นว่า ได้ยื่นอุทธรณ์คดีนายไชย์พล พร้อมพวกอีก 2 คน ในคดีความผิดฐานร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11, ร่วมกันทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 จริง เนื่องจากว่าจำเลยไม่สำนึกผิด และยังต่อสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งทางอัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร ได้ยื่นอุทธรณ์คดีตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยยื่นในส่วนการสั่งรอลงอาญา ให้เป็นโทษจำคุก ส่วนเรื่องของรายละเอียนนั้นต้องให้ทางโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้แถลงอีกครั้ง
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 ศาลมุกดาหารได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นกรณีนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และนายธีรพงษ์ (สงวนนามสกุล) กับนายนิคม (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นยูทูบเบอร์ เป็นจำเลยที่ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ ถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 ร่วมกันทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14
จากนั้น ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 3 เดือนปรับ 45,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีกำหนด 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายกรมป่าไม้จำนวน 23,054 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี รวมทั้งรื้อถอนพญานาคภายใน 30 วัน ซึ่งต่อมาได้มีการย้ายพญานาคออกตามคำสั่งศาลแล้ว