ผู้เสียหายถูกหลอกขายดาวน์รถ ร้อง ผบช.ก.สั่งให้กองปราบรับทำคดี มูลค่าเสียหายกว่า 36 ล้านบาท
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ต.ค. 2565 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม. ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาผู้เสียหายกว่า 50 คน จากกรณีที่ถูกเต็นท์รถเดียวกันหลอกซื้อดาวน์รถ เสียหายกว่า 36 ล้านบาท ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เพื่อขอให้กองปราบปรามรับทำคดีนี้เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก อนึ่ง หนึ่งในผู้เสียหายเคยปีนตึกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้วเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเร่งรัดคดี หนึ่งในผู้เสียหายเครียดจะไปโดดตึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาวันนี้มาแสดงสัญลักษณ์ด้วยการปีนบันไดแทนการปีนตึก
ผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่า ไปรู้จักเต็นท์รถย่านรามคำแหง ผ่านทางเพจโซเชียล จึงติดต่อเข้าไปเพื่อจะทำการขายดาวน์รถยนต์ปาเจโร่ ซึ่งผ่อนมาแล้ว 24 งวด แต่ต้องการจะขายดาวน์จึงติดต่อไปยังเต็นท์ และทางเต็นท์แจ้งว่าจะทำสัญญาเปลี่ยนเจ้าของให้ภายใน 3 เดือน แต่ภายใน 10 วัน ก็มีคนมาติดต่อซื้อรถจากเต็นท์ และหลังจากที่ขายรถไปแล้ว จึงทวงถามไปยังเจ้าของเต็นท์รถถึงเรื่องการเปลี่ยนชื่อเจ้าของ แต่ทางเต็นท์ ได้บ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามเธอ และไม่ดำเนินการให้ จากนั้นก็ขาดการติดต่อจากกัน จนกระทั่งไฟแนนซ์ที่เธอผ่อนชำระค่างวดไปก่อนหน้านี้ ทวงค่างวดมาทางเธอจึงทำให้ทราบว่า ทางเต็นท์รถยังไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถที่ขายไป ทำให้เธอต้องรับภาระในการผ่อนชำระค่างวดต่อ
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ สามีของหญิงผู้เสียหายได้นำบันไดมาปีนโชว์สื่อเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หลังก่อนหน้านี้ เคยไปปีนชั้นลานจอดรถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้ว เนื่องจากเกิดความเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะยังต้องผ่อนค่างวดต่อ เดือนละ 19,700 บาท อีกทั้งความครัวยังมีปัญหาทางการเงินอีกด้วย
ขณะที่ผู้เสียหายชายอีกคน เล่าว่า ตั้งแต่ถูกเต็นท์รถหลอกว่าจะปิดยอดเงินผ่อนให้แต่ทางไฟแนนซ์ยังทวงค่างวดกับตนเองอีก จึงไปแจ้งความที่ สน.บางชัน จากนั้นคนที่ซื้อรถของตนเองไปติดต่อกลับมาหาว่าต้องการจะซื้อรถคืนกลับไปหรือไม่ในราคา 7 หมื่นบาท ซึ่งตนเองไม่ได้จ่ายเงินไป และได้ไปแจ้งความที่สภ.ท้องที่ที่เจอพิกัดรถ ซึ่งตำรวจไม่ได้รับแจ้งความ ทำให้ตนเองรู้สึกเป็นทุกข์ใจมาก พร้อมสงสัยว่า เป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่
ด้านทนายรณรงค์ เปิดเผยว่า เชื่อว่าการหลอกขายดาวน์รถจะต้องมีการทำเป็นขบวนการ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ที่ขายดาวน์ รถไปกว่า 50 คัน ความเสียหาย ประมาณ 36 ล้าน ส่วนใครอยู่เบื้องหลังนั้นยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด จึงต้องการให้ตำรวจกองปราบรับทำคดี เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก และเสียหายสูง ขณะที่ผ่านมาผู้เสียหายมีการแจ้งความหลายพื้นที่ แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี มีเพียง 2 โรงพักที่ออกหมายจับผู้ก่อเหตุเท่านั้น
พร้อมฝากเตือนให้ผู้ที่จะขายดาวน์รถ จะต้องทำสัญญาซื้อขายรถและเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว