"กรณ์" เห็นด้วย ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยได้ ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจ ทดลอง 5 ปี ไม่ดีเลิก แต่ต้องออกมาตรการภาษีอย่างรัดกุม ชี้แจงประชาชนให้คลายความกังวล
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงมหาดไทย ปลดล็อกต่างชาติ ให้สามารถซื้อบ้าน-ถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท ว่า โดยรวมมองว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นจุดดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้าในประเทศไทย และตัวคนต่างชาติเองก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดังนั้นมุมทางเศรษฐกิจ ในระยะสั้นก็จะมีเงินเข้ามาจากการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัย และในระยะยาวกว่านั้นก็มาจากการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งการใช้ทักษะ ความรู้ความสามารถของเขา มาสร้างงงาน สร้างโอกาสในบ้านเราด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ ระบุว่า เป็นธรรมดาที่หลายคนอาจจะกังวล ในแง่ของผลข้างเคียง ว่าต่างชาติจะมาแย่งซื้อที่ซื้อบ้านจากคนไทยหรือไม่ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ ครม.ได้วางกรอบกติกา เพื่อที่จะจำกัดผลค้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การที่ระบุว่า ต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาซื้อที่ดิน หรือที่อยู่อาศัย ต้องมีเงินลงทุนผูกพัน ในประเทศไทย อย่างน้อย 3 ปี เป็นวงเงิน 40 ล้าน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ตัวมูลค่าสินค้า บ้านและที่ดิน ในราคาค่อนข้างสูง จะเป็นคนละตลาดกับการซื้อขายบ้านทั่วไป นอกจากนี้ กฎหมายยังจำกัดพื้นที่ในการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัยเฉพาะในเขตเทศบาลเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แย่งซื้อกับชาวบ้าน เกษตรกร ที่อยู่นอกเขตเทศบาล และการที่รัฐบาลจำกัดเวลาการทบทวนใน 5 ปี ก็ชี้ให้เห็นหลักคิดในเชิงแซนด์บ๊อกซ์ คือ ทำทดลองดู เรื่องนี้พูดกันมานานมาก ถกเถียงกันมาไม่มีข้อสรุป รัฐบาลเลยให้ลองดู 5 ปี มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ก็สามารถยกเลิกกฎหมายได้ตามความเหมาะสม ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เป็นแนวทางที่ดี แต่ก็ต้องคอยดู จะเป็นอย่างไร
“เราต้องอย่าลืมว่า ในบริบทสังคมไทยเราได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชากรเริ่มมีแนวโน้มลดลง เพราะฉะนั้นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติ ที่มีเงิน มีทักษะ เข้ามาทำงาน หรือตั้งรกราก เปิดกิจการในประเทศไทย หรือ Work from Thailand มากขึ้น จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่มีคนพูดถึงกันอยู่แล้ว และในบริบททั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะทดลองนโยบายนี้” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว
อดีตรมว.คลัง กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เมื่อรัฐบาลออกมาตรการมาแล้ว ในช่วงการพิจารณารายละเอียด ก็ควรฟังความกังวลของประชาชน และวิธีที่จะสร้างความเป็นธรรม ซึ่งวิธีการที่จะคลี่คลายความกังวล คือ ปรับโครงสร้างภาษี ให้มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่ฝั่งของเจ้าของที่ดินเพียงฝ่ายเดียว... ซึ่งภาษีจากการซื้อขายที่ดิน ที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นธุรกิจเฉพาะ ก็จะมีค่าอากรแสตมป์ 3% ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าจะเป็นภาระของผู้ซื้อหรือไม่ แต่โดยทั่วไปแล้วภาษีควรต้องจ่ายโดยผู้ที่มีกำไร คือผู้ที่มีทรัพย์สิน และขายทรัพย์สินให้กับต่างชาติ ที่ได้โอกาสจากการทำกำไร เรื่องราวเหล่านั้นต้องพิจารณาด้วย เพราะมาตรการภาษีโดยรวม มันมีเม็ดเงินกลับเข้ามาในส่วนของรัฐบาลเพื่อที่จะเอาไปสร้างประโยชน์ให้ประชาชนในวงกว้างได้มาก