รวบตำรวจ-เจ้าหน้าที่กระทรวง ขายข้อมูลคนไทยกว่า 1 พันคน ให้แก๊งคอลเซนเตอร์ พบเงินบัญชีม้า โอนเข้าวันละ 2 หมื่น หรือเดือนละ 600,000 บาท
วันที่ 28 ต.ค. 65 พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี จับเจ้าหน้าที่รัฐ 2 ราย ขายข้อมูลให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์โดยตรวจสอบได้จากเส้นทางการเงิน พบเงินจากแก๊งคอลเซนเตอร์โอนเข้าบัญชีของเจ้าที่รัฐทั้ง 2 รายอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้รับเงิน 2 หมื่นบาทในการให้ข้อมูลผู้เสียหายต่อครั้ง โดยมีข้อมูลของคนไทยถูกฉกไปขายให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์แล้วกว่า 1,000 ข้อมูล
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกจับ รายแรกเป็นตำรวจ ยศ พ.ต.ท. พฤติการณ์ คือ ใช้ความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้ารหัสกดดูฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้เสียหาย โดยพบว่าเข้าไปกดดูมากจนนับครั้งไม่ถ้วน
ส่วนรายที่ 2 มีรายงานว่า เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างของกระทรวงแห่งหนึ่ง ผู้ต้องหารายนี้ จะเข้าระบบไปล้วงข้อมูลการจดทะเบียนการค้า หรือตราธุรกิจของผู้เสียหาย ไปขายให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์
โดยประเด็นที่อยู่ระหว่างสอบสวน คือ แก๊งคอลเซนเตอร์ มีเป้าหมายของเหยื่อก่อนหรือไม่ แล้วจึงมาขอซื้อขอมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ เจ้าหน้าที่รัฐเองที่เป็นคนขายข้อมูลให้ก่อน (ตรงนี้ต้องรอสอบสวน)
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มีรายได้จากการขายข้อมูลคนไทยให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์ วันละ 20,000 บาท หรือเดือนละ 600,000 บาท ซึ่งทางธนาคารพบการเคลื่อนไหวของเงินจากบัญชีม้า เข้ามายังบัญชีของผู้ต้องหา จึงประสานตำรวจตรวจสอบ และนำไปสู่การจับกุม ดังกล่าว
สำหรับผู้เสียหายรายล่าสุด ที่ถูกฉกข้อมูลทะเบียนราษฎร์ไปขายให้แก๊งคอลเซนเตอร์ เป็นหมอ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยแก๊งคอลเซนเตอร์ทำปลอมเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI แล้วโทรแจ้งผู้เสียหายว่าทำความผิดคดีอาญาจะต้องถูกตรวจสอบเงินในบัญชี พร้อมส่งหมายจับปลอมที่มีภาพใบหน้าของผู้เสียหาย และข้อมูลทางธุรกิจไปให้ผู้เสียหายดู ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินไปยังบัญชีมาจำนวนกว่า 6,970,000 บาท ก่อนจะมารู้ภายหลังว่าถูกหลอก แจ้งความออนไลน์เมื่อ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากปฏิบัติการ "เด็ดปีกมังกร" จับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 16 ราย เป็นกลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้า 8 ราย กลุ่มรวบรวมบัญชีม้าเพื่อส่งต่อให้นายทุนชาวจีน 1 ราย และกลุ่มที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลผู้เสียหายเพื่อนำไปใช้ในการหลอกลวง 2 ราย