สาว 35 หลงเชื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร ดึงเงินเกลี้ยงบัญชี กู้เงินบัตรเครดิตไปด้วย สูญเงินไปกว่า 2.3 ล้าน บาท
ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบชาวบ้านรายหนึ่งในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกโอนเงินในบัญชีธนาคารของตนเองไปจนเกลี้ยงบัญชี ซ้ำยังเข้าไปทำธุรกรรมกู้เงินของธนาคารไปอีกด้วย สูญเงินไปกว่า 2,263,778.55 บาท ทำให้ตอนนี้ทุกข์ใจหนักมาก สูญเงินหมดตัวและยังต้องมาเป็นหนี้ธนาคารอีกล้านกว่าบาท
โดย นางสาวดวงพร อายุ 35 ปี ชาวบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีสายโทรศัพท์ โทรเข้ามาว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร แจ้งว่าร้านขายส่งเหล้า บุหรี่ ของพ่อตนเอง ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอลานสักนั้นยังคาอยู่ในระบบ ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านเก่าที่พ่อของตนเองนั้นปิดไปแล้ว ตนจึงแจ้งไปว่า ร้านนั้นปิดไปนานแล้วนะ แต่ทางนั้นยังยืนยันว่า “ยังอยู่ในระบบ” ให้เข้าไปกรอกรายละเอียด ในระบบเพื่อให้ทางกรมสรรพากร ดึงข้อมูลร้านค้าเก่าออกให้ ผู้เสียหายยังได้ถามกลับไปว่า แต่ร้านเป็นชื่อพ่อต้องให้พ่อเป็นคนดำเนินการไหม อีกฝ่ายบอกว่าสามารถทำแทนได้ เพราะเป็นคนเสียภาษีแทนพ่ออยู่แล้วใช่ไหม พอทางนั้นพูดมาแบบนี้ตนจึงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากรตัวจริง เพราะปกติตนก็ไปดำเนินการเรื่องเสียภาษีแทนพ่ออยู่เสมอ
จากนั้นจึงได้สอบถามรายละเอียดขั้นตอนว่าต้องทำอย่างไร คอลเซนเตอร์บอกว่าให้แอดไลน์ ซึ่งพอแอดไปก็ขึ้นเป็นโลโก้ของกรมสรรพากร จึงยิ่งเชื่อไปอีก จากนั้นเขาก็ส่งลิงก์มาให้กดเข้าไปโหลดแอปที่อ้างว่าเป็นแอปของกรมสรรพากรสำหรับทำธุรกรรม ต่อไปไม่ต้องไปถึงสำนักงานแล้ว เป็นแอปที่คนในเมืองทำกัน เดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้หมดแล้ว ซึ่งคำพูดดังกล่าวก็คล้ายกับที่เจ้าหน้าที่สรรพากรเคยแจ้งเราเมื่อครั้งไปเสียภาษีครั้งที่ผ่านมา หลังจากโหลดแอปซึ่งเป็นโลโก้ของกรมสรรพากร ก็เข้าไปกรอกรายละเอียด ซึ่งมีชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเบอร์ที่กรอกไปก็ไม่ใช่เบอร์ที่ผูกกับบัญชีธนาคารแต่เป็นเบอร์ที่แจ้งไว้กับกรมสรรพากร เวลาที่ไปจ่ายภาษี ทำให้นิ่งนอนใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะทางนั้นก็ไม่ได้ขอเลขบัตรประชาชนอะไรเพิ่ม พอกรอกข้อมูลเสร็จ ปรากฏว่าเกิดความผิดพลาดเข้าระบบไม่ได้ คอลเซนเตอร์ถามว่า “ยังอยู่หน้าจอไหม เข้าทำในระบบไม่ได้ใช่ไหม แคปหน้าจอมาให้ดูหน่อย” จากนั้นแจ้งกลับว่าให้ตั้งค่าภายในเครื่องและอนุญาตให้เข้าถึงแอพปที่ไม่รู้จัก และระบบของเครื่องมือถือ พอทำตามที่แจ้งมา ในหน้ามือถือก็ขึ้นรหัสแอพปดังกล่าวมา 6 หลัก ให้แจ้งอีกฝ่ายไป ตนได้แจ้งไป จากนั้นคอลเซ็นเตอร์บอกให้รอ กำลังทำการดึงข้อมูลออกระบบให้ ประมาณ 20 นาที แล้วให้เข้าไปเช็กว่าเรียบร้อยไหม หลังจากนั้นมือถือของตนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่สักพัก ค้างอยู่หน้าแอปนั้น ซึ่งขึ้นว่า “กำลังตรวจสอบ”
ผู้เสียหายเผยว่า ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดีแล้ว คิดว่าไม่ใช่เงินหายไปหมดบัญชีนะ แล้วพยายามกดมือถือจนกลับมาใช้ได้ ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปดูในแอปธนาคาร ที่ 1 ซึ่งมียอดเงินอยู่ 932,801 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ใช้หมุนเวียนขายของนั้นหายไปเกลี้ยงบัญชี จากนั้นก็พบว่า เงินในบัญชี ธนาคารที่ 2 ซึ่งเป็นเงินที่ใช้กู้ลอยไว้ผ่านบัตรเครดิต เพื่อเอาไว้ใช้ฉุกเฉิน เวลาลงของ ซึ่งตนเองไม่ค่อยได้ดึงมาใช้เพราะเสียดอกค่อนข้างสูงก็ถูกเปลี่ยนจากเงินกู้โอนมาเป็นเงินสดโอนเข้ามาภายในบัญชีของตนเอง ก่อนทำการโอนไปที่บัญชีอื่นทันที ด้วยกัน 2 ยอด ยอดแรกจำนวน 994,977.4 บาท และยอดที่สองอีกจำนวน 336,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 ยอดนั้นไม่เคยมีการแจ้งเตือนหรือมีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรศัพท์ มาสอบถามตนเองเลยว่า ได้เป็นคนทำธุรกรรมดังกล่าวนี้ไหม หลังรู้ตัวว่าถูกหลอก ตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ช่วยอายัดบัญชีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและแจ้งว่า เงินในบัญชีดังกล่าวถูกโอนย้ายไปบัญชีต่างธนาคารจนหมดแล้ว ซึ่งเกินอำนาจหน้าที่ของธนาคารที่จะไปทำการอายัดบัญชีต่างธนาคารให้ได้ และแนะนำให้ตนเองไปแจ้งความเพื่อดำเนินการแทน จากนั้นตนก็ไปแจ้งความที่ สภ.ลานสัก ที่อยู่ใกล้ทันที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งความและช่วยดูข้อมูลบัญชีเบื้องต้นให้ตนเองทันที ซึ่งหลังจากตรวจสอบบัญชี ที่ถูกโอนเงินไปนั้นพบว่า เป็นบัญชีม้าของ เด็กหญิง อายุ 16 ปี อยู่ในจังหวัดสระบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลานสัก ก็ได้แนะนำให้ตนเองไปแจ้งความยัง สภ.ที่เกิดเหตุเพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วกว่า ตนเองจึงไปแจ้งความที่ สภ.บ้านไร่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับเรื่องแจ้งความ โดยทำการลงเรื่องแจ้งความออนไลน์ เพราะต้องผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ให้เข้ารับเรื่องดังกล่าว โดยตนเองได้คิวรับเรื่องวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เวลา 08.00 น. ที่ สภ.บ้านไร่ ซึ่งตอนนี้ก็ร้อนใจมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามช่องทางการเงินดังกล่าวให้เร็วที่สุด ยังมีความหวังน้อยนิดว่าจะได้เงินคืนมาบ้าง ทุกข์ใจมากที่ตอนนี้เงินก็หมดตัว และยังต้องมาเป็นหนี้ธนาคารอีกกว่า 1 ล้านบาท ตนเองก็เป็นโรคหัวใจ ต้องใช้เงินซื้อยานอกกินรักษาตัว ตอนนี้ทุกข์ใจมากๆ