กรณีเด็กร้องเรียนถูกครูในมูลนิธิ จ.สมุทรสงคราม ทำร้ายทุบตี จับกดน้ำ เจ้าหน้าที่ พม.บุกไปตรวจสอบ เตรียมสั่งปิดมูลนิธิ พร้อมย้ายเด็กออกนอกพื้นที่ ขณะที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา "ครูยุ่น"
วันที่ 3 พ.ย. 2565 หลังจากมีคลิปเหตุการณ์ที่เด็กในมูลนิธิคุ้มครองเด็ก(บ้านครูยุ่น) จ.สมุทรสงคราม แอบถ่ายขณะที่ครูด่าทอเด็กด้วยคำหยาบ เนื่องจากเด็กแอบไปเล่นในสระน้ำของรีสอร์ต ซึ่งเปิดไว้เพื่อหารายได้มาดูแลเด็กๆ เผยแพร่ออกไป โดยครูจึงถือไม้เรียว เฆี่ยนตีสั่งสอนเด็ก พร้อมใช้ไม้เรียว ชี้หน้าด่าเด็กคนอื่นๆ เพื่ออบรมสั่งสอน แต่ใช้คำพูดอย่างหยาบคาย ซึ่งคลิปถูกบันทึกไว้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนนำมาร้องเรียนเพจดัง โดยมีนักศึกษาที่ไปทำโครงการที่มูลนิธิฯ พบความไม่ชอบมาพากล จึงนำมาปรึกษามูลนิธิเส้นด้าย
กระทั่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิเส้นด้ายได้เข้าพูดคุยกับเด็ก จนพบว่า ครูในมูลนิธิที่ดูเป็นคนใจบุญ มีพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อ ซึ่งจากคำกล่าวอ้างของเด็ก ระบุว่า หลายคนถูกร้ายทุบตี ไม่มีเหตุผล มีทั้งใช้ไม้ไผ่ตี ใช้ไม้ม็อบฟาดจนเลือดออก ถูกจับกดน้ำ ให้อาบน้ำคลอง ยึดโทรศัพท์มือถือ และห้ามติดต่อคนภายนอก รวมถึงใช้เเรงงานเด็กทำงานในรีสอร์ต เวลาไม่มีคนมาเลี้ยงอาหารเด็กก็จะได้กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋อง ให้กินอาหารใกล้หมดอายุ และครูยังใช้ปัสสาวะตัวเองราดเสื้อผ้าเด็ก นำเสื้อเด็กคลุกอุจจาระเด็ก นำของบริจาคไปขาย
นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงได้เรียกผู้เกี่ยวข้อง มาตั้งโต๊ะแถลงทันที หลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิเส้นด้ายไปแจ้งความ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม เพื่อเอาผิดครูในมูลนิธิดังกล่าว
เจ้าหน้าที่มูลนิธิเส้นด้ายคนหนึ่ง บอกว่า ได้เก็บข้อมูลและพูดคุยกับเด็กๆ จนทราบพฤติกรรมรุนแรงที่ครูทำกับเด็ก เป็นเรื่องที่ฟังแล้วหดหู่ใจมาก แถมยังถูกใช้แรงงานให้ทำงานที่รีสอร์ตได้ค่าแรงวันละ 30 บาท ถ้าขัดขืนไม่ยอมทำก็จะถูกลงโทษหักค่าไปโรงเรียน บางคนถูกหักเหลือ 10 บาท ไปเรียนได้แต่ต้องหาขนมกินแทนข้าว
ด้านนายอนุกูล บอกว่า ได้ถึงทราบพฤติการณ์ครูยุ่น ทั้งการใช้แรงงาน การทำโทษเด็กแล้ว แม้ครูยุ่น จะอ้างว่า ตีเพื่อสั่งสอน แต่การกระทำถือว่ามีความผิดชัดเจน ซึ่งมูลนิธินี้ เปิดมาหลายปี พม.สมุทรสงคราม ตรวจสอบทุกปี ประวัติค่อนข้างดี เจ้าหน้าที่สุ่มคุยกับเด็กก็ไม่เคยได้รับสัญญาณอะไร ส่วนประเด็นที่มีภาพถ่ายในห้องอาบน้ำ คล้ายมีการติดกล้องวงจรปิด ก็จะต้องตรวจสอบต่อไป รวมถึงเรื่องการใช้แรงงานเด็กและเรื่องเงินบริจาคว่าเอาไปทำอะไรบ้าง และดูว่าพฤติกรรมเข้าข่ายหากินกับเด็ก ใช้เด็กบังหน้าเพื่อเปิดมูลนิธิหรือไม่
เบื้องต้นจะเร่งดำเนินการ 2 ส่วน คือ ย้ายเด็กออกจากมูลนิธิ และพิจารณาหยุดการดำเนินการมูลนิธิ ส่วนการเพิกถอนใบอนุญาตขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้ชัดเจน เบื้องต้นมีความผิดชัดเพียงทำร้ายเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 61
คุณนฤพล อาจหาญ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ พม.สมุทรสงคราม ที่นำเอกสารตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เพื่อรับเด็กทั้งหมด 55 คน ไปคุ้มครองดูแล แต่ไม่เจอตัวครูยุ่น พบเพียงภรรยาและลูกชาย ทั้งคู่ยืนยันว่า ไม่ได้ทารุณเด็กรุนแรง แต่ยอมรับว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณที่อาบน้ำกลางแจ้งของเด็กผู้ชาย เพราะเป็นทางเข้าประตูห้องนอนป้องกันไม่ให้เด็กหนี และบางครั้งก็มีเด็กผู้หญิงถูกลงโทษให้อาบน้ำข้างนอก แต่ทุกคนใส่เสื้อผ้าไม่มีการติดกล้องในห้องน้ำ
ภรรยาครูยุ่นยังชี้เเจงคลิปตีเด็กว่า เด็กนำยาเสพติดเข้ามาในบ้าน และบางคนยังแอบหนีเที่ยวกลางคืน รวมถึงขโมยเงินถึงหลักแสนจึงลงโทษสั่งสอน ซึ่งเด็กที่รับไว้พ่อแม่เด็กมีปัญหาต่างเข้าใจการลงโทษของครูยุ่นดี
เมื่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก ยืนยันว่าจะรับเด็กไปคุ้มครองตามกฎหมาย ทางลูกชายครูยุ่นจึงโทรหานายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว. ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิดังกล่าว นายแก้วสรร พูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อกฎหมายมาดีแล้วใช่ไหม จู่ๆ จะมาพาเด็กออกไป พร้อมชี้แจงเรื่องตีเด็กว่า เป็นการสั่งสอน ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย และเด็กที่ร้องเรียน ก็เป็นเด็กเกเร ติดยาเสพติด เอายามาเผยแพร่ต่อ จึงตีสั่งสอน ควรฟังหูไว้หู พร้อมกับขอให้ พม. ถามเด็กๆ คนอื่นที่อยู่ในมูลนิธิก่อน ว่าสมัครใจ อยากจะไปหรือไม่ กว่าจะสร้างมูลนิธิได้ ยากลำบาก และใช้อำนาจอะไรเข้ามาพาเด็กไป หากเจ้าหน้าที่ทำเกินว่าเหตุ ตนก็ใม่ยอมเหมือนกัน สุดท้าย เจ้าหน้าที่จึงเข้าสอบเด็กๆ จำนวนหนึ่งที่อยู่ในบ้านพัก โดยไม่ให้สื่อเข้าไปบริเวณด้านใน
ก่อนที่ช่วงเย็น ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบจุดต่างๆ ทั้งอุปกรณ์ ไม้ที่ใช้ตี หลักฐานอื่นๆ ในการทำความผิด ไปประกอบการสอบสวนทางคดี พร้อมพาเด็กจำนวนหนึ่ง ที่แสดงความสมัครใจไปกับ พม. เดินทางออกมา
ขณะที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นได้มอบหมายให้สอบคัดแยกเหยื่อ รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ ครูยุ่น 2 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย และใช้แรงงานเด็ก และวันนี้ (3 พ.ย.) ตนจะลงพื้นที่ติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง พร้อมให้ข้อมูลว่า ครูยุ่น ได้พาเด็กบางส่วนหลบหนีไปแล้ว ยิ่งนำเด็กหนี ยิ่งเป็นความผิดที่ชัดเจน จึงให้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด และสั่งเร่งสอบสวนว่า นำเด็กไปอยู่ที่ไหน และจะพาตัวครูยุ่นกลับมาให้ได้
ทั้งนี้ มีข้อมูลจากฝั่งครูยุ่น บอกว่า ตนยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น รู้แต่ว่ามีการแจ้งความ ตอนนี้ยังไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไร