"แรมโบ้" ฟาดเดือด รู้ทัน "ทักษิณ" เกมสับขาหลอก วางตัว "เศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แต่ขายไม่ได้ทางอีสาน ถามย้ำรัฐบาลไหนขายชาติกันแน่?

วันที่ 4 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย เปรียบเทียบระหว่างสมัคร สุนทรเวช กับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ลำดับหนึ่ง หากพรรคเพื่อไทยดันนายเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเบอร์หนึ่ง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในภาคอีสาน เพราะคนรากหญ้ายังติดแบรนด์เดิมคือทักษิณ และเครือญาติคนอีสานไม่ได้สนใจ สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนในเวลานั้น พวกเขาเข้าคูหา กาเลือกพลังประชาชน ด้วยความรักและคิดถึงทักษิณ จุดนี้เองที่ ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย รู้สึกเป็นห่วง หากเศรษฐา เป็นว่าที่นายกฯ ตัวจริง ไม่ใช่อุ๊งอิ๊ง แล้วชาวบ้านจะไม่เลือกเพื่อไทย" ผู้สื่อข่าวจึงได้สัมภาษณ์ "แรมโบ้อีสาน" หรือ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการเลือกตั้งทั่วไป การเสนอบุคคลผู้มานั่งตามบัญชีของพรรคการเมืองทุกพรรคสามารถเสนอบุคคลภายนอกได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 โดยมีเงื่อนไขจะต้องยื่นต่อ กกต. ก่อนปิดรับสมัครเลือกตั้งและประกาศให้ประชาชนทราบ เท่าที่ทราบพรรคการเมืองอื่น ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหน สับขาหลอกเหมือนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะจะจับไต๋ รู้ทันนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการดันบุตรสาว "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย วางตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับหนึ่ง แต่โยนหินถามทาง ลักษณะเอาเศรษฐกิจนำหน้าในนโยบายหาเสียง โดยนำนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วางเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าภาคอีสาน หากนำเสนอนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีทางภาคอีสาน ขายไม่ได้ คำว่า ขายไม่ได้ ตรงนี้ ผมไม่ได้พูดเองนะ เอาคำพูด ส.ส.เพื่อไทย ภาคอีสานมาพูด ตรงนี้ รู้ทันว่านายทักษิณ เพียงสับขาหลอกประชาชนเท่านั้น เพราะตามรัฐธรรมนูญสามารถเปลี่ยนลำดับได้ ก่อนปิดรับสมัคร ส.ส. ขณะนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังบริหารประเทศอยู่ ยังไม่หมดวาระหรือยุบสภาฯ ขอให้กล้า ๆ เปิดเผยว่าจะเอาบุตรสาวมานั่งบัญชีนายกรัฐมนตรีลำดับหนึ่ง คนอีสานฝากความคิดถึงนายทักษิณ ว่า เมื่อไหร่จะกลับมาติดคุก แล้วขอเตือนนายทักษิณการเอาบุตรสาวมานั่งตำแหน่งดังกล่าวจบไม่สวย เหมือนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาว ไหนว่า 49 วันนารีขี่ม้าขาวที่ไหนได้เผ่นหนีเอาตัวรอด ทิ้งลูกน้องติดคุกติดตาราง ตัวเองหนีออกนอกประเทศคนเดียวเห็นแก่ตัว ระวังลูกสาวจะมีชะตากรรมเดียวกันกับพ่อและอาก็แล้วกัน คงต้องหาซื้อคฤหาสห์หลังใหญ่ไว้รอต้อนรับอีกหลังเป็นแน่

ผมต้องอ้างอิงความเห็นของ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ "ดร.ณัฎฐ์" ปรมาจารย์กฎหมายมหาชนและผู้เชี่ยวชาญรัฐธรรมนูญ ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการวางตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อ่านเกมขาด พอมาวันนี้ น่าจะเป็นจริงตามที่ให้ความเห็นไว้ เป็นเพียงการสับขาหลอกเพื่อโยนหินถามทางเท่านั้น แต่ขายไม่ได้ในภาคอีสาน แค่เทียบกับคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย ยังสู้ท่านไม่ได้ ประชาชนต้องมีสติรับฟังข้อมูลทุกด้าน แล้วจะรู้ทันนายทักษิณ โดยเฉพาะกฎกระทรวงการได้ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยของคนต่างด้าว พ.ศ.2545 เกิดในรัฐบาลนายทักษิณ ในปี 2565 รัฐบาล พล.ประยุทธ์ฯ นำมาปรับฝุ่น เพิ่มความเข้มข้น เพิ่มศักยภาพ ที่สำคัญ การถือครองอาคารคอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัย 49% สำหรับ คนต่างด้าวถือครองพบว่ามีมากมาย มีการ "ขายขาด" ไม่มีกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำ และไม่มีการลงทุนล่วงหน้า 3 ปี ตามพ.ร.บ.อาคารชุด(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้วันที่ 4 ก.ค.2551 เกิดในรัฐบาลพลังประชาชน ถามว่า รัฐบาลไหนขายชาติกันแน่

ตั้งข้อสังเกตว่า จะเห็นว่า พยายามให้บุตรสาวและบุตรชายมานั่งที่ปรึกษาต่าง ๆ ภายในพรรค

แต่มีอำนาจเด็ดขาดเหนือหัวหน้าพรรคตัวจริง ผมว่า นายทักษิณ อย่าเหนียมอายเลย เอาบุตรสาวมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคเองเลย
คำว่า “แลนสไลด์”เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้น

"จะสับขาหลอกหรือจะวางตัวโยนหินถามทาง ยังไงโอกาสแลนด์สได์ยังมืดมน ที่จริงพรรคเพื่อไทยต้องตอบให้ชัดที่พรรคก้าวไกลถามมาก่อน ว่าจะยืนเคียงข้างพรรคก้าวไกล จะแก้กฎหมายมาตรา 112 และปฎิรูปสถาบันหรือไม่ จุดยืนพรรคเพื่อไทยจะปกป้องสถาบันหรือไม่ จะมีจุดยืนตามพรรคก้าวไกลหรือไม่ ประชาชนผู้จงรักภักดีปกป้องสถาบันฯรอคำตอบจากพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน" นายเสกสกล กล่าว