"ชูวิทย์" หอบหลักฐานธุรกิจสีเทากลุ่มนายทุนจีน มอบให้ "บิ๊กโจ๊ก" ที่ สน.ทองหล่อ หวิดวางมวย "สันธนะ"
วันนี้ (9 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ สน.ทองหล่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เดินทางมาติดตามความคืบหน้า คดีเกี่ยวกับทุนจีนสีเทา ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ คดีอาญาเกี่ยวกับกลุ่มทุนจีนในหลายพื้นที่ รวมถึงคดีพิพาทกันระหว่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้เปิดข้อมูลเกี่ยวกับทุนจีนสีเทาในเมืองไทย กับนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ที่ต่างฝ่ายต่างมาแจ้งความดำเนินคดีต่อกัน
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กลุ่มทุนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ที่กำลังเป็นที่จับตามองของสังคมมีอยู่ 5 กลุ่มด้วยกัน มีการจับกุมไปแล้ว 2 คน คือนายเดวิด และนายหยู ฉาง เฟย ส่วนอีก 3 คนขณะนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ตอนนี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอยู่คือ การไล่เส้นทางการเงินของขบวนการนี้ ตนได้แบ่งหน้าที่การทำงานหลายส่วนเนื่องจากกลุ่มพวกนี้มีความสัมพันธ์กับบุคคลหลายคน ซึ่งวันนี้ได้ขอหมายค้นของศาลตรวจค้น 5 จังหวัด 26 จุด
รองผบ.ตร. กล่าวว่า หลังมีการตรวจยึดเงินหรูรถหรูมาแล้วรวม 30 กว่าล้านบาท ทางท่าน ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ทางชุดทำงานทำการรวบรวมพยานหลักฐานโดยในวันจันทร์ ที่จะถึงนี้ จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดว่า มีใครที่เกี่ยวข้องบ้างและมีความผิดเพิ่มเติมในส่วนใดบ้าง ตอนนี้พยายามเร่งทำอย่างรวดเร็ว หลังจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว แม้ที่เหลือจะหลบหนีไปแต่จากการตรวจค้นทั้งหมด 26 จุดพบว่าเป็นเจ้าของรถ เจ้าของปืน เจ้าของรถลัมโบกินี่ใช้ชื่อนอมินีเป็นคนไทยทั้งในต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ เราจะนำข้อมูลเหล่านี้จากการตรวจค้นมารวบรวมพยานหลักฐานและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงทั้งหมด โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้า จะเห็นความเชื่อมโยงของแก๊งดังกล่าวชัดเจนขึ้น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาประชุม กับพ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับแก๊งทัวร์จีน จึงแยกการดำเนินคดีเป็น 2 ส่วนทั้งเรื่องทัวร์จีนที่เข้ามาใช้ยาเสพติดในสถานบริการ กับเรื่องกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และหาผลประโยชน์ทวงเงินกันเอง ด้วยการตัดนิ้วรวมถึงบังคับให้กลืนนิ้วตัวเองด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการแถลงข่าวนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมนำเอกสารหลักฐานยื่นให้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อทำการตรวจสอบพฤติกรรมของนายสันธนะ ประยูรัตน์ ว่ามีความเกี่ยวโยงกับกลุ่มทุนจีนที่กันมากระทำผิดกฎหมายในเมืองไทยหรือไม่ อย่างไร
โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าตนทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี เพื่อเปิดเรื่องนี้ให้สังคมไทยได้เห็นว่ากลุ่มทุนจีนดังกล่าวมีความอันตรายอย่างไร ตนได้พูดเรื่องนี้มานานหลายเดือนแล้ว กระทั่งมาพูดถึงกลุ่ม 5 เสือจีน ที่ถูกจับกุมไป 2 คน เหลือ 3 คนที่ยังหลบหนี ถ้า 5 คนนี้บริสุทธิ์จริงจะหลบหนีทำไม ที่ผ่านมาตนไม่เคยเอ่ยชื่อนายสันธนะแม้แต่คำเดียว จู่ๆนายสันธนะก็โผล่มาที่โรงแรมตน แล้วก็ถ่ายคลิปว่ามีการจัดการมั่วสุมในโรงแรมตน ตนเป็นผู้ใหญ่อายุ 60 ปีแล้ว ผ่านอะไรมาเยอะโรงแรมตนเป็นระดับ 5 ดาว ก็ต้องต้อนรับ แม้ตำรวจจะมีการปิดกั้นพื้นที่ทำให้เกิดความเสียหาย แต่ตนยินยอมแต่โดยดี แต่นายสันธนะกลับมีพฤติกรรมที่ประหลาดมาด่าว่า พลเมืองดีอย่างตน เห็นควรที่ทางรอง ผบ.ตร.ควรจะปกป้องตนด้วย
"วันนี้นายสันธนะได้ให้สัมภาษณ์สื่อหนึ่งที่ระบุว่า รู้จักกับคนจีนทั้ง 5 คนและอ้างว่าคนจีนดังกล่าวเป็นกลุ่มบริสุทธิ์ วันนี้ตนมีคลิปหลักฐานที่นายสันธนะให้สัมภาษณ์ว่า รู้จักกับ 5 เสือนี้ดี และเอ่ยชื่อพาดพิงถึงธรรมนัสว่า รู้จักดีและฝากให้ดูแลกลุ่มทุนจีนนี้ อย่าให้ใครรังแก ตนจึงนำคลิปหลักฐานและเอกสารทั้งหมดมายื่นแก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และขอให้ความเป็นธรรมแก่พลเมืองดี ที่ทำเพื่อสังคมอย่างตน ที่นำข้อมูลมาเปิดเผย เรื่องนี้มันเป็นขบวนการ มีการเอาคนออกมาปกป้อง เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ" นายชูวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่นายชูวิทย์กำลังยื่นหนังสือเอกสารหลักฐานดังกล่าวนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณประตูห้องประชุมชั้น 3 ของสน.ทองหล่อ ที่ใช้เป็นห้องที่ใช้สำหรับการประชุมในวันนี้ โดยนายสันธนะได้ร้องโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าห้อง ใช้มือทุบประตูเพื่อจะเข้ามาภายในห้อง ทำให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องสั่งการให้พ.ต.อ ดวงโชติ เชิญตัวนายสันธนะไปที่ห้องทำงาน ผกก.ที่ชั้นสอง เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างนายสันธนะกับนายชูวิทย์
โดยนายสันธนะ ได้เข้าไปพูดคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์และพ.ต.อ.ดวงโชติในห้องทำงานที่ชั้น 2 ในขณะที่ชูวิทย์ เดินตามลงมานั้น รู้สึกมีอารมณ์ขึ้น และประกาศว่าจะยืนรอจนกว่านายสันธนะจะออกมาเพื่อจะขอถามว่ามันเกี่ยวข้องอะไร แล้วมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไม ในฐานะอะไร
หลังจากนั้น 10 นาทีให้หลัง นายสันธนะได้ออกมาจากห้องทำงาน ผกก.สน.ทองหล่อ เดินลงมาที่ชั้นล่างพบกับนายชูวิทย์ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอยู่ นายชูวิทย์ออกปากชี้ว่า ให้มาคุยกันตัวต่อตัวพร้อมกับกระชากเนคไทของตัวเองออก ขณะที่นายสันธนะอยู่ในอาการยิ้มที่มุมปาก เมื่อทั้งสองคนมาเจอกันในชูวิทย์ได้ปรี่เข้าไปประจันหน้ากับนายสันธนะเกือบมีการวางมวยกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้โดยจับทั้งคู่แยกออกจากการ ไม่มีการปะทะกันแต่อย่างใด
ในขณะที่นายชูวิทย์นั้นประกาศตัดขาดกับนายสันธนะ และขอจองล้างจองผลาญกับนายสันธนะตลอดไป ไม่ว่าจะไปโผล่ที่บ่อนไหนหรือที่ไหนก็ตาม ก่อนนายชูวิทย์จะแยกย้ายกลับไป
ขณะที่นายสันธนะเดินไปพักในห้อง พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยยกนิ้วโป้งให้นายชูวิทย์ แล้วบอกว่า " เยี่ยมๆ" โดยนายสันธนะได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้าเพิ่มด้วย